ส่งอีเมลแนะนำตัวไปทำไมในเมื่อลูกค้าก็ไม่ตอบอยู่แล้ว
เคยมั้ยครับที่เวลาโทรหาลูกค้าใหม่เพื่อทำนัดเข้าไปขาย ส่วนใหญ่พวกเขามักจะ “ปฎิเสธอย่างนุ่มนวล” ด้วยการบอกคุณว่าส่งเมลมาก่อนก็แล้วกัน หรือบางทีก็ไม่บอกอะไรเลย อยากน้อยคุณต้อง “กำขี้ดีกว่ากำตด” ด้วยการบอกว่ารบกวนขออีเมลหน่อยครับ ผมจะได้ส่ง Company Profile ไปให้
ซึ่งผลลัพธ์ก็คงไม่ต้องบอกนะครับว่าลูกค้าจะตอบกลับมั้ย ผมกล้าพูดเลยว่าเปอร์เซนต์ที่พวกเขาตอบกลับนั้นมีน้อยมากๆ หรือไม่ก็ตอบสั้นๆ ว่าแต้งกิ้ว แค่นั้นเอง แล้วก็ไม่มีอะไรคืบหน้า
ดังนั้นผมจะมาบอกคุณครับว่าจริงๆ แล้วอีเมลเนี่ยแหละที่สำคัญและทำให้เกิดขั้นตอนถัดไปเพื่อให้ได้นัดเข้าไปขายลูกค้าได้ในที่สุดครับ
1. ตอนส่งอีเมลต้องแนบข้อความให้ลูกค้าพิจารณาวันนัดไปด้วย
เวลาส่งอีเมลแนะนำตัวกับแนบไฟล์บริษัท ผมแนะนำว่าเขียนสั้นๆ ด้วยการแนะนำตัวกับสิ่งที่บริษัทของคุณทำพร้อมกับผลงานที่ผ่านมาประมาณ 2-3 ย่อหน้าก็พอครับ ยิ่งเยอะลูกค้าก็ยิ่งไม่สนใจ และกุญแจสำคัญก็คือการเขียนข้อความในการขอเข้านัดผมโดยระบุวันและเวลาเพื่อให้ลูกค้าพิจารณาซัก 2-3 ช่วงเวลา เพราะที่ผมบอกให้ใส่เวลาก็เพื่อให้พวกเขาตัดสินใจว่าโอเคหรือว่างหรือไม่ โอกาสที่ลูกค้าจะตอบตกลงก็จะเพิ่มขึ้นครับ แต่ถ้ายังเงียบอยู่ก็ควรทำขั้นตอนถัดไปจากนี้
2. การส่งอีเมลแนะนำตัวคือก้าวแรกของการทำนัดด้วยกฎ 24 ชั่วโมง
จำไว้นะครับว่าหลังจากส่งอีเมลเสร็จแล้ว ถ้าลูกค้ายังไม่ตอบกลับหรือเงียบภายใน 1 วัน จงติดตามต่อด้วยการโทรหาลูกค้าในวันถัดไปเพื่อทำทีเป็นสอบถามว่าพวกเขาได้รับอีเมลและอ่านรายละเอียดในไฟล์แนบแล้วหรือยัง ซึ่งส่วนใหญ่ลูกค้าก็จะอ้างต่างๆ นานาว่าติดธุระ ยุ่ง หรืออ่านผ่านๆ แล้ว (ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้อ่าน) ซึ่งโอกาสนี้แหละครับที่คุณจะได้ขอโอกาสอีกครั้งเพื่อทำนัดเข้าพบลูกค้า โดยควรบอกประโยชน์ด้วยว่าพวกเขาจะได้อะไร เช่น คุณจะนำเสนอแบบใช้เวลาไม่นานพร้อมกับทดสอบสินค้าให้ดูด้วย เป็นต้น
3. ถ้ายังเงียบหรือไม่ตกลงทำนัด ก็ทิ้งเวลาติดตามให้นานขึ้น
อย่างไรก็ดี เมื่อส่งอีเมลและโทรไปแล้วก็ยังไม่ตกลงเจอหน้า ให้ทิ้งช่วงเพิ่มขึ้นแล้วค่อยโทรหาหรือส่งอีเมลพร้อมแนบไฟล์ข้อมูลกับข่าวดีใหม่ๆ ไปเรื่อยๆ โดยอย่าติดตามแบบถี่ๆ นัด เช่น 1 สัปดาห์ก็เงียบก็ขยับเป็น 2 สัปดาห์ต่อครั้ง เป็นต้น เชื่อเถอะว่าลูกค้ายอมที่จะตอบรับนัดคุณแน่นอน เว้นเสียแต่ว่าคุณกำลังคุยผิดคนหรือพวกเขาคิดว่าคุณไม่มีประโยชน์จริงๆ ครับ
Comments
0 comments
