ธุรกิจอะไรที่ต้อง Hard Sell แล้วโคตรเวิร์ค
ผมเคยเขียนบทความก่อนหน้านี้ไม่นานว่าทำไมคุณถึงไม่ควรขายของแบบฮาร์ดเซลล์ ซึ่งว่ากันแบบบ้านๆ ก็คือโน้มน้าว ตื๊อ หรือบีบให้ลูกค้าต้องตัดสินใจซื้อด้วยความกดดัน อะไรทำนองนี้ แค่อ่านดูก็รู้แล้วว่าไม่น่าเวิร์คและเผลอๆ อาจสร้างความอึดอัดจนถึงรังเกียจจากลูกค้าเลยด้วยซ้ำ แต่ก็เหมือนกับเหรียญที่มีสองด้านน่ะครับ มันต้องมีอีกด้านที่เวิร์กด้วยวิธีการนี้แน่นอน ถ้าคุณทำธุรกิจตามที่ผมกล่าวด้านล่างนี้อยู่ บอกเลยว่าเวิร์กกว่าขายแบบเก็บทรงแน่นอน
1. ธุรกิจทุกอย่างที่เน้นออกบูทตามห้าง ตลาดนัด นอกสถานที่
ไม่ว่าจะเป็นความงาม บริจาคเงิน ขายบัตรเครดิต ขายรถ ฯลฯ เนื่องจากเวลาเช่าสถานที่ที่มีจำกัดและเจอลูกค้ามากหน้าหลายตา ไม่ใช่เวลามาเก็บทรงแล้วครับ เพราะถ้าคุณมัวแต่นั่งเฉยๆ ก็ไม่มีทางได้เงิน วิธีคือต้องฮาร์ดเซลล์ พุ่งเข้าชาร์จคนหน้าใหม่ๆ ที่ทรงดีทุกคนที่ขวางหน้า ลากเขามานั่งฟังและกดดันเพื่อปิดการขายให้ได้ สาเหตุที่ทำคือเมื่อเวลาผ่านไปนั้น ลูกค้าเค้าจำไม่ได้แล้วครับว่าคุณเคยฮาร์ดเซลล์ใส่ เจอหน้า 100 คน ปิดได้ซัก 5 คนต่อวันก็คุ้มแล้ว ถูกมั้ย ลองนึกถึงเด็กเช็ดกระจกดูก็ได้ครับ
2. ธุรกิจอะไรก็ตามที่จัดโปรโมชั่นแรงๆ แล้ว
ไม่ว่าจะเป็น B2B หรือ B2C เมื่อใดที่คุณมั่นใจว่าจัดโปรโมชั่นแรงๆ แล้ว ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ หรือใกล้หมดเขตแล้ว ยังไงนักขายต้องถูกบังคับให้ฮาร์ดเซลล์เพราะสาเหตุที่ต้องทำและต้องบีบลูกค้าเพราะนักขายมีไพ่ตายอยู่ในมือก็คือโปรเด็ดในมือนั่นเอง ทำแล้วยังไงก็เวิร์คครับ
3. ธุรกิจนักขายแบบ Knock-Door
หรือ Door-to-door ก็คือนักขายที่ต้องเคาะประตูตามบ้านนั่นแหละครับ ส่วนใหญ่ยุคนี้ไม่ค่อยมีแล้วเพราะโลกออนไลน์มันเปลี่ยนโลกการขายพอสมควร แต่ก็ยังพอมีธุรกิจแนวๆ นี้อยู่ที่ต้องอาศัยความฮาร์ดเซลล์ ตื๊อๆ ถึงลูกถึงคน ถ้าไม่โดนไล่ให้ไปไกลๆ ก็ต้องพยายามปิดการขายให้ได้ เพราะถ้ามัวแต่เก็บทรงหรือไม่กล้า โอกาสได้เงินแทบเป็นศูนย์ครับ
4. ธุรกิจขายผ่านโทรศัพท์ (Telesales or Telemarketing)
เนื่องจากเวลามีอยู่จำกัดและเน้นวัดดวง ยังไงนักขายกลุ่มนี้ต้องพูดตามสคริปต์หรือทำยังไงก็ได้ให้ลูกค้ายอมฟัง ไม่ตัดสาย หรือรีบปฎิเสธ ดังนั้นเมื่อลูกค้าติดเบ็ดแล้วก็จำเป็นต้องรีบปิดการขายให้ได้ ชัดเจนมากๆ ก็พวกขายประกันภัยรถยนต์ เงินกู้ บัตรเครดิต ฯลฯ ที่ทำให้แบบเห็นๆ เลยก็เพราะวันๆ นึงจะโทรเป็นร้อยสายก็ได้ แถมลูกค้าปฎิเสธอีกวันนึงก็คงลืมไปหมดแล้ว
Comments
0 comments