นักขายแบบไหนที่ลูกค้าไม่ชอบ

ในโลกของการทำงานและการใช้ชีวิต ผมต้องขอพูดตรงนี้เลยครับว่า “Nobody Perfect” ไม่มีใครเป็นนักขายที่สมบูรณ์แบบตลอดกาล ทุกคนไม่ว่าจะเป็นใคร สูงต่ำดำขาว ร่ำรวยชาติตระกูลดี หรือมีมันสมองล้ำเลยประการใด ทุกคนย่อมหนีไม่พ้นเรื่องนี้อย่างแน่นอน

การเป็นนักขายและต้องทำงานกับลูกค้าเองก็เช่นกัน ถึงคุณจะพยายามดีแค่ไหนและมีความมั่นใจมากเพียงไร แต่ถ้าคุณอ่านไม่ออกหรือไม่รู้ตัวว่าลูกค้าไม่ชอบนักขายในรูปแบบไหนบ้าง สิ่งนี้อาจทำให้คุณพลาดโอกาสในการขายและเป็นนักขายที่ล้มเหลวโดยไม่รู้ตัว

ผมจึงขอแชร์ประเภทของนักขายหรือวิธีการขายบางอย่างที่ทำให้ลูกค้าไม่ชอบขี้หน้าคุณและกลายเป็นขายไม่ได้ในที่สุด คุณจงควรอ่านและทบทวนตัวเองไว้นะครับว่าเป็นอย่างที่กล่าวมาหรือไม่

1. นักขายที่มาสาย

นักขายที่มาสายแบบน่าเกลียด เช่น มาสายเกินกว่า 10 นาที แค่นี้ความประทับใจแรกพบก็หายไปแล้วล่ะครับ โดยเฉพาะการเข้าพบลูกค้าตำแหน่งสำคัญที่เวลาของพวกเขามีค่ามากที่สุด การทำให้พวกเขาเสียเวลาเพียงนิดเดียวอาจทำให้คุณกลายเป็นภาพจำเชิงลบในสายตาของพวกเขาตลอดกาล ที่สำคัญคือกู้ภาพลักษณ์กลับมายากมากด้วย คุณต้องระวังเรื่องนี้ให้มาก ถ้ามีเหตุอันควรจริงๆ เช่น รถชน รถติด น้ำท่วม ฯลฯ ทั้งๆ ที่กะเวลามาอย่างดีแล้ว จงรีบโทรบอกลูกค้าว่าคุณจะมาถึงภายในเวลาไม่เกินกี่นาทีและขออภัยพวกเขาอย่างจริงใจก่อนทุกครั้ง

2. นักขายที่ชอบพูดแทรก

เรื่องนี้คือจุดตายของนักขายที่พูดเก่งเลยก็ว่าได้ เพราะสกิลการพูดของพวกเขาที่บางทีอาจจะกลายเป็นการพูดแทรกหรือขัดลูกค้าโดยไม่รู้ตัว ปัญหาที่เกิดขึ้นมักมาจากการฟังที่ไม่ดีและไม่ยอมฟังลูกค้าให้จบประโยค หรือบางทีนึกอะไรดีๆ ออกก็อยากบอกลูกค้าทันที จากนั้นก็แทรกด้วยคำพูดขึ้นมา นักขายกลุ่มนี้จะรู้สึกอึดอัดและรำคาญใจอย่างมากเวลาที่ตัวเองยังไม่ถึงคิวพูด สุดท้ายก็ “ลั่น” และกลายเป็นการแทรกลูกค้าเพื่ออยากกลับมาเป็นฝ่ายพูด นักขายกลุ่มนี้จะตกหล่นเรื่องข้อมูลสำคัญๆ อื่นๆ จากปากลูกค้าเพียงเพราะคุณไปพูดแทรกพวกเขา ทำให้พวกเขาไม่อยากพูดหรืออยากซื้อกับคุณอีก

3. นักขายที่ทำให้ลูกค้าเสียเวลา

สาเหตุมักมาจากการนำเสนอที่ไม่ตรงความต้องการของลูกค้า นักขายกลุ่มนี้มักขาดการ “ทำการบ้าน” เรื่องธุรกิจของลูกค้าล่วงหน้ามาก่อน จึงทำให้ไม่มีความรู้ความเข้าใจว่าสินค้าและบริการของพวกเขามีความเหมาะสมกับธุรกิจของลูกค้ามากแค่ไหน การนำเสนอจึงเป็นรูปแบบเดิมๆ ที่เล่าตั้งแต่หน้าแรกยันหน้าสุดท้าย และยังมีสาเหตุมาจากการขาดการถามคำถามที่ดีเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาประสบอยู่ ทำให้ไม่สามารถนำเสนอสิ่งที่สามารถทำให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้นหรือแก้ไขปัญหาที่พวกเขาอาจไม่เคยทราบมาก่อนได้ การนำเสนอที่ไม่มีความน่าสนใจจะทำให้คุณแทบหมดโอกาสในการขายตั้งแต่วันแรกที่เจอหน้าเลยล่ะครับ

4. นักขายจอมหมกเม็ด พูดไม่หมด

นักขายกลุ่มนี้มักนำเสนอแต่ด้านดีของสินค้าและบริการอย่างเดียว เมื่อลูกค้าถามถึงข้อเสียหรือมีข้อโต้แย้งบางอย่าง เช่น เอาสินค้าของคู่แข่งมาเปรียบเทียบแล้วคุณด้อยกว่า หรือมีเงื่อนไขบางอย่างเกี่ยวกับงานรับประกันหลังการขายที่มีระยะเวลาจำกัด เป็นต้น พวกเขาจะกลัวว่าถ้าบอกความจริงไปแล้วจะขายไม่ได้ จึงจำเป็นต้องปกปิดหรือ “แถ” ว่าทำได้ ทั้งๆ ที่รายละเอียดในสัญญาจริงๆ ไม่สามารถทำได้ เลวร้ายกว่านั้นคือลูกค้าซื้อไปแล้วกลับไม่ได้รับความคาดหวังตามที่คุณโม้ไว้ นอกจากจะเสียเครดิตแล้ว คุณยังสูญเสียความเชื่อมั่นต่อตัวเองและองค์กรทั้งหมดจนเสียลูกค้ารายนี้ไปตลอดกาล

5. นักขายขายเสร็จแล้วเทลูกค้าไว้กลางทาง

เปรียบได้กับคนที่จีบสาวเก่งๆ ซึ่งพอจีบติดแล้วก็ชิ่ง หายตัวไปเพื่อไปจีบคนใหม่โดยไม่สนใจคนเก่า (ฮา) นี่คือจุดตายของนักขายที่ปิดการขายกับลูกค้าใหม่ๆ ได้เก่งเลยก็ว่าได้ เพราะพวกเขามักคิดว่าปิดดีลกับลูกค้า เมื่อได้เงินแล้วก็ไปขายที่อื่นโดยจะกลับมาติดต่อลูกค้ารายเก่าก็ต่อเมื่อตอนมีปัญหาหรือต้องการขายเพิ่มเท่านั้น ลูกค้าส่วนใหญ่จึงมักมีภาพจำแบบเหมารวมว่าพวกเซลส์เวลาก่อนขายก็ดีแสนดี แต่ขายเสร็จแล้วก็หายหัวยังไงล่ะครับ คุณจึงต้องปรับเรื่องนี้ด้วยการติดต่อหรือทำนัดเพื่อเข้าไปสอบถามและตรวจสอบการใช้งานพวกเขาอย่างสม่ำเสมอ และการขายเสร็จแล้วหายหัวมักสร้างโอกาสให้คู่แข่งได้เข้ามาขายใหม่เมื่อคุณหายหัวจนเสียลูกค้าไปอยู่เสมอ

6. เถียงลูกค้า

นักขายกลุ่มนี้มักอ่อนหัดในเรื่องการตอบข้อโต้แย้ง สาเหตุอาจเป็นเพราะขาดประสบการณ์หรือเชื่อมั่นในสินค้าและบริการของตัวเองแบบสุดกู่ เมื่อลูกค้ามีข้อโต้แย้งเบสิก เช่น เอาคู่แข่งมาเปรียบเทียบกับคุณและบอกว่าบางอย่างดีกว่า คุณก็เกิดอาการหัวร้อนพร้อมกับมีข้อมูลว่าบางอย่างของคุณก็ดีกว่า จึงใช้เหตุผลเพื่อเอาชนะลูกค้า เมื่อเถียงลูกค้าแล้วเป็นฝ่ายชนะ ลูกค้าก็ไม่ซื้อคุณอยู่ดีครับ อีกทั้งยังเป็นการแสดงออกถึงการอวดรู้ รู้ทุกเรื่อง อวดฉลาดกว่าตัวลูกค้าซึ่งเป็นเจ้าของเงิน นักขายประเภทนี้มักล้มเหลวเพราะทำให้ลูกค้ารู้สึกเสียหน้า

7. นักขายจอมตื๊อ

นี่คือนักขายที่หลายๆ คนลงความเห็นว่าน่ารังเกียงและน่ารำคาญมากที่สุด อารมณ์เดียวกับเซลส์ขายเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบเคาะประตูตามบ้านที่แทบจะสูญพันธุ์ไปแล้ว ซึ่งนี่คือตัวอย่างที่คลาสสิกมากๆ ในยุคนี้คงเป็นนักขายที่ชอบโทรหาลูกค้าบ่อยๆ จนกลายเป็นความกดดัน เช่น คุณลองเลือกดูสินค้าหรือบริการออนไลน์บางอย่างโดยกรอกเบอร์โทรลงไป เมื่อถึงเวลานั้นคุณก็จะเจอนักขายทางโทรศัพท์ที่ใช้เบอร์ไม่ซ้ำเพื่อนำเสนอขายประกันคุณแบบรัวๆ โทรมาจนคุณรำคาญ ถ้าคุณไม่ตัดรำคาญคุณก็จะก่อกวนเสมอ การตามงานแบบไม่วางแผนเช่น โทรตามทุกวัน ก็ไม่เวิร์กเช่นกัน นอกจากน่ารำคาญแล้วอาจจะทำให้อารมณ์อยากซื้อกลายเป็นไม่อยากซื้อในบั้นปลายได้

8. นักขายขี้โม้ ตอแหล

นักขายกลุ่มนี้มักอยู่ในวงการแชร์ลูกโซ่ขายฝันที่พูดแต่เรื่องร่ำรวยภายในไม่กี่ปี ส่วนคนที่หลงเชื่อก็มักจะเป็นคนโลภและคนโง่ที่ไม่คิด วิเคราะห์ แยกแยะระหว่างความเป็นไปได้กับความถูกต้องเท่านั้น ส่วนลูกค้าที่ฉลาดก็มักจะรู้ดีว่านักขายกลุ่มนี้มันตอแหล จึงไม่กลายเป็นเหยื่อ หรือแม้แต่การขายที่คุณนำเสนอขั้นเทพ โอ้อวดสรรพคุณจนเกินพอดีแต่พอซื้อไปแล้วกลับไม่เวิร์กก็จะถูกลูกค้าตัดสินว่าขี้โม้ตอแหลได้ สุดท้ายแล้วพอธุรกิจเจ๊งไม่เป็นท่า นักขายกลุ่มนี้แหละที่จะถูกตราหน้าจากสังคมว่าเป็นพวกขี้โม้ตอแหล เผลอๆ ติดคุกด้วยนะครับ

นี่คือนักขายประเภทต่างๆ ที่ลูกค้าไม่ชอบจากผมครับ ลองถามตัวเองดูนะครับว่าเป็นแบบนั้นหรือไม่

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts

ใส่ความเห็น