สิ่งที่คุณต้องทำสำหรับการเป็นทายาทธุรกิจจากประธาน ‘บุญถาวร’
วันนี้ผมโชคดีมากที่ได้มีโอกาสรับฟังการบรรยายจากคลาสของศศินทร์โดยคุณสิทธิศักดิ์ ทยานุวัฒน์ (คุณตู่) ประธานกรรมการ บริษัท บุญถาวรเซรามิก จำกัด ตำนานแห่งวงการขายเฟอร์นิเจอร์เมืองไทยร่วมกับกลุ่มบริษัทโฮมโปรและอินเด็กซ์ ลิฟวิ่ง มอลล์ ซึ่งท่านเป็นทายาทผู้สืบทอดธุรกิจต่อจากคุณวิวัฒน์ ทยานุวัฒน์ ตำนานที่ยังมีชีวิตแห่งบุญถาวรกรุ๊ป
หัวข้อในวันนี้จึงมีความเกี่ยวข้องกับเรื่อง “ธุรกิจครอบครัว” (Family Business) ซึงผมเองก็มีประสบการณ์ที่ใกล้ตัวเกี่ยวกับธุรกิจแบบกงสีของครอบครัว ผมได้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆ มากมายผ่านประสบการณ์ชีวิตของตัวผมเองที่มันไม่ได้ง่ายเลยสำหรับการรักษาธุรกิจให้เติบโตยิ่งขึ้น คุณจะพบว่าธุรกิจแบบครอบครัวในปัจจุบันหลายธุรกิจอยู่ในสภาวะคงตัวหรือถดถอย มีน้อยมากที่รุ่นลูกจะขยายธุรกิจให้สยายปีกก้าวไกลกว่ารุ่นพ่อ หลายรายทำเจ๊งด้วยซ้ำ
วันนี้จึงเป็นวันดีที่ผมได้มีโอกาสรับฟังสัมมนาที่จัดขึ้นจากทางศศินทร์ในหัวข้อที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการบริหารธุรกิจของครอบครัวจากผู้ที่ประสบความสำเร็จในการเป็นทายาทธุรกิจตัวจริง ผมจึงขอแชร์มุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับการบริหารงานธุรกิจแบบกงสีของครอบครัวมาฝากกันครับ
1. จงอุทิศเพื่อครอบครัวก่อนเสมอ
เป็นสิ่งที่คุณควรคิดคำนึงถึงบุญคุณของครอบครัวก่อนเป็นอันดับแรก ยังไงเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ จงอย่าตั้งตัวเป็นศัตรูกับครอบครัวของตนเองโดยเฉพาะ “การทำธุรกิจคล้ายหรือเหมือนกับกงสี” เพราะคุณจะกลายเป็น “ไอ้ลูกหลานจัญไร” โดยทันที หมายความว่าคุณเห็นเงินสำคัญกว่าความสัมพันธ์ของครอบครัวมากกว่านั่นเอง การจัดการความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคุณกับพ่อแม่ หรือญาติพี่น้องจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ ไม่ควรตึงเกินไปในการสื่อสารหรือหย่อนเกินไปในประสิทธิภาพการทำงาน คุณต้องพิถีพิถันเรื่องความรู้สึกเป็นพิเศษเพราะพวกเขาไม่ใช่ลูกน้องหรือเพื่อนร่วมงานแบบพนักงานบริษัทกับคุณ
2. ดูหนังเรื่อง เดอะ ก๊อด ฟาเธอร์ (The Godfather)
ฟังแล้วอาจจะฮาว่าการดูหนังมันเกี่ยวอะไรกับการเป็นทายาทธุรกิจด้วยวะ แต่หลายๆ คนในเพจของกูนี่แหละเซลล์ร้อยล้านที่เป็นทายาทธุรกิจในยุคนี้คือคนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นไปได้ว่าไม่น่าจะรู้จักหนังเรื่องนี้มาก่อนด้วยซ้ำ หนังเรื่องนี้คือหนังในตำนานสุดคลาสสิกเกี่ยวกับครอบครัวมาเฟียสไตล์อิตาเลี่ยนอเมริกัน เป็นหนังที่สะท้อนความสัมพันธ์ของครอบครัวมาเฟียที่เกี่ยวข้องกับการบริหารธุรกิจของครอบครัว การจัดการกับศัตรูขั้วตรงข้าม การทรยศหักหลังระหว่างพี่น้อง หนังเรื่องนี้มีปรัชญาที่ลึกซึ้งมากๆ สำหรับข้อคิดในการทำธุรกิจแบบครอบครัว แต่ถ้าคุณคิดว่าไม่ค่อยอินกับหนังแนวๆ นี้เท่าไหร่ ผมแนะนำละครเรื่อง “เลือดข้นคนจาง” ที่พึ่งจบไปไม่นานเอาไว้แก้ขัดได้นะครับ
3. มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการนำธุรกิจของครอบครัวให้เติบโตมากยิ่งขึ้น
การที่คุณอยู่ในกงสีของครอครัว ส่วนใหญ่คุณจะมีทุนทรัพย์และทรัพยากรมากพอที่จะเข้าถึงการศึกษาระดับสูงของประเทศหรือของโลกอยู่แล้ว จงอย่าทำให้ครอบครัวผิดหวังด้วยการเป็นคนที่ไม่ตั้งใจเรียน ผลาญเงินพ่อแม่ไปวันๆ เป็นอันขาด จงนำความรู้ระดับสุดยอดหรือกรณีศึกษาที่น่าสนใจ โดยเฉพาะแนวคิดหรือสิ่งที่ทำแล้วสำเร็จจากธุรกิจครอบครัวของผู้อื่นมาใช้เป็นแนวทางของธุรกิจตัวเอง การเป็นผู้สืบทอดจะต้องมีจุดมุ่งหวังมากกว่าการรักษาธุรกิจให้อยู่รอดไปวันๆ ด้วยการขยายธุรกิจตามแนวองค์ความรู้เช่น การตลาดหรือการขายแบบใหม่ มีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยธุรกิจให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เป็นต้น
4. มีแนวคิดที่ดีเกี่ยวกับการจ้างคนนอกระดับมืออาชีพเข้ามาช่วยองค์กร
ธุรกิจของครอบครัวไม่ได้มีแค่การดูแลแต่คนในตระกูลเท่านั้น แต่ “พนักงานบริษัท” ของคุณก็เป็นอีกส่วนหนึ่งของครอบครัวคุณอีกเช่นกัน จงดูแลพวกเขาราวกับเป็นครอบครัวเดียวกัน ที่สำคัญคือต้องกล้าเปิดโอกาสให้บุคคลระดับหัวกะทิ มีประวัติ มีการศึกษา มีผลงานที่ดีมาช่วยคุณบริหารธุรกิจตามแผนกต่างๆ เชื่อเถอะครับว่าส่วนงานหลายๆ อย่างนั้นคนนอกมีความเชี่ยวชาญกว่าคุณมากด้วยซ้ำ เพราะมันหมดยุคเถ้าแก่ที่สามารถทำทุกอย่างเองได้ด้วยตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว การจ้างคนเก่งๆ ที่ถนัดงานแต่ละอย่างมากกว่าจึงเป็นสิ่งที่ทำให้คุณรวยได้มากกว่า
5. จงเข้ารับการศึกษาในคลาสบริหารธุรกิจระดับสูง
การเรียนระดับ MBA กับสถาบันระดับชาติหรือระดับโลกจะช่วยให้คุณได้เพื่อนที่ทำเป็นทายาทธุรกิจเหมือนๆ กับคุณ จึงทำให้คุณได้แบ่งปันหรือร่วมทุกข์ร่วมสุขไปกับเพื่อนที่เรียนกับคุณได้ พร้อมกับรุ่นพี่ที่สามารถช่วยเหลือคุณโดยเฉพาะความรู้ด้านการบริหารธุรกิจ ศศินทร์จึงเป็นสถาบันที่ดีมากสำหรับการทำให้คุณได้พบเจอกับคนระดับนี้เหมือนที่ผมเจออยู่นั่นเองครับ
นี่คือคำแนะนำจากผมเองในฐานะผู้ที่เคยเป็นผู้สืบทอดธุรกิจคนหนึ่งครับ
Comments
0 comments