โทรตามงานอย่างไรให้เวิร์ค

การโทรตามงาน (Sales Call Follow-up) เป็นหนึ่งกิจกรรมสำคัญที่จะทำให้คุณปิดการขายได้เร็วขึ้น นักขายมืออาชีพย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่ามันสำคัญมากแค่ไหน เอาเป็นว่าสำคัญขนาดที่ถ้าคุณนำเสนอได้ดี ทุกอย่างชื่นมื่น ส่งใบเสนอราคาให้แล้ว แต่ถ้าไม่ตามงานเมื่อไหร่ก็มีสิทธิ์ “ว่าว” เอาง่ายๆ เลย

แต่ครั้นจะโทรหาลูกค้าบ่อยๆ ขนาดที่ว่าโทรไปทุกวันก็คงจะไม่เวิร์คอยู่แล้ว เพราะคุณย่อมรู้ว่าลูกค้ามักจะไม่รับสาย โทรกี่ครั้งก็ไม่รับ เอาแค่นี้ก็รู้แล้วว่าลูกค้าคงรำคาญ ขืนเซ้าซี้มากไปก็มีสิทธิ์ว่าวงานได้อยู่เหมือนกัน

มาดูวิธีโทรติดตามงานอย่างมีประสิทธิภาพและทำให้ดีลของคุณคืบหน้ากันดีกว่าครับ

1. เวลาโทรนั้นโคตรสำคัญ

คุณต้องมีเซนส์สำหรับเรื่องนี้ การโทรแบบไม่รู้จักเวล่ำเวลาก็คือไม่มีกาละเทศะ เวลาที่ไม่ควรโทรอย่างยิ่งคือช่วงที่ลูกค้าน่าจะเข้าประชุมอยู่ ซึ่งก็มักจะเป็นช่วงเวลา 10.00 โมง กับช่วงบ่าย 2 และ 4 โมงเย็น ดังนั้นเวลาทองที่ควรโทรนั้น ผมขอให้ลองโทรตอน 9 โมงและ 5 โมงเย็นเป็นต้นไป เพราะเป็นช่วงเวลาที่ลูกค้าน่าจะว่าง โดยเฉพาะหลัง 5 โมงที่พวกเขามักจะไม่ได้เข้าประชุมอะไรแล้ว

2. ลองส่งอีเมล์หรือข้อความทางไลน์ไปบอกก่อน

ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ไม่เลวเหมือนกัน โดยเฉพาะอีเมลที่สามารถหวังผลให้ลูกค้าตอบกลับได้แบบเป็นลายลักษณ์อักษร หรือจะใช้ไลน์ทักเข้าไปก็ได้ในกรณีที่มีไลน์ลูกค้า มีทริกเล็กๆ น้อยๆ สำหรับการส่งข้อความก็คือในข้อความควรระบุ “ข่าวดี” หรือเรื่องดีๆ ที่ทำให้ลูกค้าทำงานได้ง่ายขึ้น ดีลคืบหน้าได้ดีขึ้น เช่น อัพเดทข่าวดีเกี่ยวกับการทดลองใช้สินค้าฟรี หรือสามารถติดตั้งระบบได้เร็วกว่ากำหนด เป็นต้น

3. ใช้วิธีจี้ติดและตัดถ่าง

จี้ติดคือช่วงแรกๆ ที่ต้องโทรตามงาน จะเป็นช่วงที่คุณต้องขยันโทรเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหลังจากส่งใบเสนอราคาหรือข้อเสนอไปแล้ว ควรโทรตามทันทีภายใน 1 วัน การคุยก็ง่ายๆ เช่น ได้รับข้อเสนอรึยังครับ มีอะไรให้ช่วยเหลือเพิ่มเติมบ้างมั้ยครับ อะไรทำนองนี้ พออีกวันก็ลองโทรใหม่เพื่อสอบถามต่อ ซึ่งถ้าลูกค้าเริ่มไม่รับสายนี่แหละครับที่คุณต้องเริ่มตัดถ่าง ซึ่งก็คือโทรแบบเว้นระยะห่าง จากโทรทุกวันก็ลองเป็นวันเว้นวัน ถ้ายังไม่รับก็อาทิตย์ละครั้ง ยังไม่รับอีกก็สองอาทิตย์ครั้ง ถ้าไม่รับเลยก็ต้องส่งข้อความหา แต่อย่าพลาดหรือหายหัวเป็นอันขาด

4. เตรียมความพร้อมก่อนโทรเพื่อสร้างความประทับใจเสมอ

เตรียมความพร้อมนั้นสำคัญมาก คุณจะต้องติดตามข่าวสารบ้านเมือง ดินฟ้าอากาศ และเรื่องส่วนตัวของลูกค้า (ถ้ารู้) ซึ่งก็ง่ายๆ เช่น เป็นเพื่อนลูกค้าในเฟซบุ้ค คุณเห็นเขามีเหตุการณ์สำคัญๆ หรือพึ่งผ่านเทศกาลที่คุณโทรไปเปิดหัวเรื่องสารทุกข์สุขดิบเพื่อสร้างความประทับใจก่อนเข้าเรื่องดีลก็จะทำให้การพูดคุยนั้นไหลลื่นและไม่น่ารำคาญครับ

5. เป็นฝ่ายสอบถามว่าสะดวกให้โทรติดตามช่วงไหน

ถ้าการคุยเริ่มมีกลิ่นที่ไม่ดี สัญญานเชิงลบ อย่าพึ่งท้อและใช้โอกาสนี้เป็นฝ่ายถามลูกค้าแทนว่าสะดวกให้คุณติดตามช่วงไหนและขอโทษที่โทรแล้วทำให้ลูกค้ารู้สึกถูกรบกวน คุณจะรู้สึกดีขึ้นและลูกค้าเองก็จะรู้สึกว่ากูพูดอะไรไปวะ เมื่อลูกค้าบอกวันและเวลา ก็จดไว้แล้วโทรตามช่วงที่ลูกค้าบอกจะดีมากครับ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts