คนพูดเก่งกับคนพูดเป็น ต่างกันอย่างไร ทำการค้าขายต้องรู้

อวัยวะที่สำคัญที่สุดในการขายและการทำธุรกิจก็คือ “ปาก” ครับ ซึ่งก็ใช่ครับ คุณฟังไม่ผิดหรอก เรื่องนี้จึงทำให้หลายๆ คนที่ “พูดไม่เก่ง” หรือเป็นคนที่พูดน้อยรู้สึกว่าตัวเองเสียเปรียบ ไม่มีความถนัด ไม่น่าจะเป็นนักธุรกิจที่ดีได้เพราะปากไม่ดี (ฮา) จึงมักคิดไปเองว่าคนพูดเก่ง พูดมาก น่าจะประสบความสำเร็จมากกว่า ซึ่งก็เปล่าเลยครับ คุณพูดเก่ง พูดมาก ไม่มีทางเจ๋งเท่า “คนพูดเป็น” ที่ผมมีข่าวดีจะมาบอกพวกคุณก็คือ “คนพูดเป็น” ไม่จำเป็นต้องพูดมากหรือเป็นพวก Extrovert ครับ มาดูความต่างดังนี้เลย

ภาพรวมของคนที่พูดเก่ง (Talkative Communication) มักเน้นไปที่

– ปริมาณการพูด: พูดได้เยอะ คล่องแคล่ว ไม่มีติดขัด พูดเป็นต่อยหอย พูดได้แทบทุกเรื่อง
– ความเร็วฝีปาก: พูดได้เร็ว ทันต่อเหตุการณ์ ตามความรู้และประสบการณ์ ยิ่งมีเยอะก็ยิ่งพูดเร็ว
– ความมั่นใจ: มีความมั่นใจมากเป็นพิเศษ ใช้คำพูดที่เน้นความมั่นใจและน่าเชื่อถือ มีความรู้ กล้าแสดงออก
– คำศัพท์ต่างๆ: รู้ศัพท์เยอะ ไม่ว่าจะทางการหรือไม่ทางการ เลือกใช้คำศัพท์แปลกๆ ได้
– ความสนุกและความบันเทิง: จะเก่งมากๆ ในเรื่องที่ไม่ค่อยมีสาระ เล่าแล้วตลก หรือเรื่องทางการก็เล่าให้เป็นเรื่องสนุกได้ดี

สรุปคือคนที่พูดเก่งมีความได้เปรียบในการคุยเรื่องสัพเพเหระต่างๆ คุยสนุก มีมุกตลก เก่งในเรื่องความบันเทิง จึงเหมาะมากกับการเป็น “ผู้นำเสนอ” เช่น งานพิธีกร พริตตี้ MC แต่อย่างที่บอกคือคนพูดเก่งก็มีจุดอ่อนอันใหญ่หลวงคือเรื่องการหลุดเพราะพูดมากเกินไป และสถานการณ์การพูดคุยมักเป็นแบบต่อหน้าและต้องใช้ไหวพริบสูง การพลาดเรื่องอะไรไปในหัวข้อสนทนาอาจถึงขั้นเป็นเรื่องพูดไม่เข้าหูหรือผิดใจกับลูกค้าและคนอื่นได้เลย ยิ่งพวกขี้เล่นคุยติดตลกมักมีโอกาสพลาดจนโดนหมัดสูง (ฮา)

ภาพรวมของคนที่พูดเป็น (Effective Communication) จะให้ความสำคัญกับ

– เป้าหมายของการพูด: เน้นการพูดแต่เรื่องที่มีประโยชน์ มีจุดประสงค์ รู้ตัวเสมอว่าพูดไปแล้วคนฟังได้อะไร ตัวเองได้อะไร
– เน้นไปที่คนฟัง: ทำการบ้านหรือทำความเข้าใจก่อนว่าคนฟังเป็นใคร ระดับความรู้ ความสนใจ จึงเลือกประเด็นที่เหมาะสมได้ดี
– ความชัดเจน: สื่อสารได้อย่างเข้าใจง่าย ตรงประเด็น เพราะปรับระดับการสนทนาให้เข้ากับคนนั้นๆ
– ความน่าเชื่อถือ: การพูดจาและการนำเสนอข้อมูลมีข้อเท็จจริงสูง ทำให้น่าเชื่อถือ เป็นเหตุเป็นผล
– การสร้างความสัมพันธ์: เน้นไปที่ความเคารพ เปิดใจ และตั้งใจฟังคู่สนทนาอย่างตั้งใจ
– การเน้นผลลัพธ์และจูงใจคน: ทำให้ผู้ฟังเข้าใจง่าย คล้อยตาม เชื่อถือ และเกิดความรู้สึกที่ดี

ตัวอย่างของการเลือกใช้โหมดพูดเก่งและพูดเป็น เชิงธุรกิจ

โหมดพูดเก่ง: การทำกิจกรรมร่วมกับลูกค้าในลักษณะ “กึ่งทางการ” เช่น ทำกิจกรรมนอกสนาม กินข้าว งานเลี้ยง งานครบรอบ ปาร์ตี้ ตีกอล์ฟ ฯลฯ หรือการนำเสนอสินค้าและบริการในลักษณะที่เน้นความเป็นกันเอง เน้นความสนุก สินค้าและบริการไม่ได้มีความซับซ้อนมากนักทำให้การพูดเก่งไม่ได้เสียความน่าเชื่อถือ

โหมดพูดเป็น: การรับฟังลูกค้าในเรื่องปัญหาชีวิตและธุรกิจ นำเสนอด้วยข้อมูลหรือข้อเท็จจริงที่น่าเชื่อถือ ใช้ความเป็นเหตุเป็นผลและมีลักษณะความเป็นทางการระดับหนึ่ง ซึ่งช่วยให้ลูกค้าประหยัดเวลาและสร้างคุณค่าในตนเอง ดูน่าเกรงขามเพราะไม่ได้พูดอะไรมากมาย เหมาะสำหรับการขายและการทำธุรกิจที่เน้นความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ

สรุปคือเป็นคนที่พูดเก่งและสามารถปรับโหมดเป็นคนที่พูดเป็นจะทำให้คุณได้เปรียบในการขายทุกแบบ แต่คุณไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเอง ถ้าชอบพูดเก่ง พูดมาก ก็ควรทำธุรกิจหรือขายสิ่งที่เน้นปฎิสัมพันธ์กับผู้คน ไม่ต้องทางการมากนัก ดูอย่างพิมรี่พาย เป็นตัวอย่าง แต่ถ้าเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้วก็ควรขายสินค้าที่เน้นความน่าเชื่อถือ ซับซ้อน เป็นเหตุเป็นผล ก็จะถูกจริตการพูดอย่างคุณครับ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts