Social Media Selling…เทคนิคใหม่ สำหรับการขายแบบ B2B

ยุคนี้เป็นยุคของโซเชี่ยลมีเดีย ซึ่งโลกออนไลน์ ได้ครอบครองโลกออฟไลน์โดยสมบูรณ์ ในโลกแห่งนี้ มีการซื้อขายเกิดขึ้นมากมาย ใครจะเชื่อว่าคุณสามารถขายสินค้าได้ง่ายๆ เพียงแค่เปิดเพจและทำการโฆษณาสินค้า เท่านี้ก็มีลูกค้าบนโลกออนไลน์ที่พร้อมซื้อสินค้าจากคุณแล้ว ที่สำคัญคือการซื้อขายบนโลกออนไลน์ได้สร้างเศรษฐีใหม่ขึ้นมามากมาย หลายๆ คนถอยเบนซ์คันใหม่ มีบ้านหลังบ้าน สร้างเนื้อสร้างตัวจนกลายเป็นคนรวยมานักต่อนัก

แต่สิ่งที่ผมพูดก็คือการซื้อขายในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะ เว็ปไซท์ เฟสบุ้ค และบนโซเชี่ยลมีเดียหลายๆ แหล่ง เป็นการซื้อขายในรูปแบบ B2C (Business-to-Customer) เท่านั้น แต่ไฉนถึงไม่ค่อยมีการซื้อขายในรูปแบบ B2B (Business-to-Business) ผ่านโซเชี่ยลมีเดียและประสบความสำเร็จบ้างเลย

ผมจึงมีข่าวดีมาบอกทุกๆ คน ว่าการทำธุรกิจผ่านโซเชี่ยลมีเดียนั้น ผมได้ลองลงมือถือและค้นพบเคล็ดลับที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จในการขายแบบ Social Media Selling ได้แบบง่ายๆ เลยล่ะครับ


1. Google หรืออาจารย์กู ผู้รอบรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับลูกค้า

นี่คือเครื่องมือชิ้นแรกที่คุณรู้จักและใช้งานได้อย่างคล่องแคล่ว เพื่อเริ่มต้นการขายแบบ Social Media Selling สิ่งแรกที่คุณควรทำเพื่อเริ่มต้นการขายก็คือ

– การเอาชื่อลูกค้าไปสืบค้นในกูเกิ้ล

สิ่งที่ได้จากขั้นตอนนี้คือข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า บางท่านถึงกับรู้บัญชี facebook รู้ถึงสถาบันที่เรียนจบมา ไปจนถึงบัญชีของ Linkedin และข้อมูลตามข่าว PR ถ้าลูกค้าคนนั้นเป็นคนที่มีชื่อเสียงขององค์กร สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณได้การบ้านเพื่อ ‘รู้เขารู้เรา’ ให้มากที่สุด ทำให้คุณได้เปรียบในการขาย

– การสืบค้นรายละเอียดเกี่ยวกับบริษัทต่างๆ ที่คุณต้องการขาย

นี่ก็เป็นอีกวิธีง่ายๆ ในการทำความรู้จักเกี่ยวกับธุรกิจของลูกค้า เพื่อมองหาสิ่งที่สินค้าของคุณตอบโจทย์ นอกจากนี้คุณยังจะพบเบอร์โทรออฟฟิศ สถานที่ตั้งบริษัทฯ เพื่อทำให้คุณเริ่มต้นการโทรทำนัด (Cold-Calling) ได้ทันที ซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้า B2B นั้น ผมคิดว่าแทบทุกบริษัทในประเทศไทย ต้องมีเว็ปไซท์ให้คุณสืบค้นในกูเกิ้ลเพื่อหาข้อมูลแน่นอน ถ้าบริษัทไหนไม่มี ผมว่าไม่น่ารอดในการทำธุรกิจยุคนี้

2. Facebook เอาไว้แอดลูกค้าเป็นเพื่อนเพื่อใช้ในการสอดส่อง (เผือก) ชีวิตของพวกเขา

เคยไหมครับ เวลาคุณจีบสาว ยิ่งคุณรู้เกี่ยวกับตัวเธอมากเท่าไหร่ เช่น ไลฟ์สไตล์ ความชอบส่วนตัว ฯลฯ คุณก็ยิ่งมีโอกาสจีบติดสูงขึ้นเพราะคุณสามารถทำการบ้านเกี่ยวกับตัวเธอแล้วพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่พวกเธอชื่นชอบได้ ลูกค้าเองก็เช่นกันครับ

ผมแนะนำให้คุณลองเอาชื่อลูกค้าไปสืบค้นในเฟสบุ้ค คุณจะเจอบัญชีของพวกเขาและจงขอเป็นเพื่อนกับพวกเขาซะ ถ้าไม่ได้ก็ไม่มีอะไรเสียหาย คุณจะเห็นไลฟ์สไตล์ของลูกค้าคุณหลายอย่าง เช่น กีฬาที่เล่น สัตว์ที่เลี้ยง การท่องเที่ยว ลูก เมีย รถ ฯลฯ เพื่อใช้ในการ ‘ละลายพฤติกรรม’ (Break the ice) เวลาคุณได้นัดไปเจอหน้าพวกเขายังไงล่ะครับ คุณเลือกเรื่องพูดได้ตรงใจของพวกเขาง่ายๆ เพียงแค่เพราะคุณรู้เกี่ยวกับลูกค้าหมดแล้วนั่นเอง

อีกทั้งยังสามารถเอาไว้ใช้ในขั้นแอดวานซ์ (Advance) หรือขั้นสูงในการทักลูกค้าผ่านการส่งข้อความเพื่อมุ่งหวังในการเปิดการขาย โดยผมขอให้คุณมุ่งเน้นสำหรับการ ‘ขอทำนัด’ เท่านั้น เพื่อให้การขายของคุณดูไม่ฮาร์ดเซลล์จนเกินไป ขอเพียงให้คุณทักด้วยสคริปแนะนำตัวที่ดูดี บอกถึงสิ่งที่คุณทำและมีประโยชน์กับตัวลูกค้า จากนั้นให้คุณขอทำนัดเพื่อไปเจอหน้าพวกเขาที่ออฟฟิศให้ได้ เพียงเท่านี้คุณก็ลดเวลากันทำ Cold-Calling ไปได้มากแล้วครับ

3. Linkedin เอาไว้ใช้ค้นหาลีด ชื่อคนทำงานแบบมืออาชีพ นี่คือแหล่งเงินของคุณชัดๆ

ผมพูดถึงเจ้าเครื่องมือนี้หลายต่อหลายครั้ง แต่ก็จะพูดซ้ำและขอย้ำอีกครั้งเพื่อให้คุณไปสมัครและใช้งานทันที เพราะทุกอย่างนั้นฟรี เหมือนกับการเล่น facebook เลยล่ะครับ คลิก: www.linkedin.com เพื่อสมัคร

ข่าวดีก็คือคนทำงานในไทยมีการใช้งานของผู้เล่น Linkedin มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าระดับผู้บริหารหรือ C-Level ที่พวกเขาเอาโปรไฟล์พร้อมกับประวัติการทำงานส่วนตัวไว้บนนั้น (เพื่อเอาไว้หางานใหม่ได้ด้วย ฮา..) ผมขอให้คุณแอดไปเป็นเพื่อนกับพวกเขา บางคนมีเบอร์มือถือ พร้อมให้คุณโทรทำนัดได้ทันที หรืออย่างน้อยที่สุดถ้าไม่มีเบอร์มือถือ คุณก็สามารถโทรตรงเข้าไปที่บริษัทของพวกเขาโดยการใช้กูเกิ้ลค้นหาเบอร์บริษัท และโทรตรงเข้าไปเลยเพื่อขอสายลูกค้าของคุณ คุณจะได้เปรียบเพราะรู้ทั้งชื่อจริงและตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว


นี่คือการขายที่ตามทันโลกออนไลน์โดยการประยุกต์ใช้เครื่องมือด้านโซเชี่ยลมีเดียให้เป็นประโยชน์ ก็เปรียบได้กับคุณมีอาวุธที่ทำให้คุณได้เปรียบในการขายเรียบร้อยแล้วนั่นเองครับ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts

ใส่ความเห็น