มาปลุกพลังนักขายกันเถอะ
ผมขอออกตัวก่อนนะครับว่าบทความนี้เป็นเรื่องที่เซลล์ร้อยล้าน “ไม่ได้มีความถนัด” มากนักนะครับ ผมน่าจะเป็นบุคคลที่ไม่เก่งในการปลุกพลังหรือปลุกไฟให้คึกคะนอง ล่าเงินได้โดยที่ใจสู้ กลายเป็นซูเปอร์ไซย่า อะไรทำนองนั้นนะครับ (ฮา)
พอมาถึงเรื่อง “ปลุกพลังนักขาย” ผมยิ่งรู้สึกว่าไปกันใหญ่เลย นักขายมีพลังอะไรแบบซูเปอร์แมนหรือซูเปอร์ไซย่าหรือไม่ ถ้ามีแล้วจะปล่อยพลังคลื่นเต่าเลยได้รึปล่าว ซึ่งตอนนั้นผมก็ยังไม่เข้าใจความหมายของคำคำนี้มากนัก
ส่วนตัวแล้วผมเองก็ผ่านการแสวงหาเรื่องราวหรือหาวิธี “สร้างแรงบันดาลใจ” มาตั้งแต่เรียนจบ สมัยนั้นเรียกได้ว่าอินกับทุกบทความ ทุกบทเพลง ทุกยูทูปออนไลน์ ทุกคอร์สสัมมนาที่มีคำคมหรือเรื่องราวดีๆ เลยก็ว่าได้
เมื่อความรู้สึกและแรงบันดาลใจมีมากจนตกผลึก รู้ไปหมด รู้มันทุกเรื่อง แต่ไม่เคยลงมือทำ จึงทำให้ชีวิตยังไม่เกิดผลลัพธ์ที่ประสบความสำเร็จซักที ถึงได้รู้ว่าแรงบันดาลใจเชิงบวกจะสำเร็จได้ถ้ามีการลงมือทำนั่นเอง
ผมจึงอยากให้ทุกคนลองอ่านและวิจารณ์บทความการปลุกพลังนักขายจากผมด้วยนะครับ เพราะพลังในส่วนนี้ของผมเป็นสิ่งที่เขียนมาจากประสบการณ์จริงและทำให้ผมมีทุกวันนี้ได้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ทำให้พวกคุณมีพลังนักขายในทิศทางเดียวกับผมซึ่งสามารถลงมือทำต่อได้จริงกันครับ
1. คิดตั้งแต่ตอนนี้เลยว่าถ้าวันนี้ “ไม่มีเงิน” แล้วจะอยู่อย่างไร
ง่ายๆ เลยครับสำหรับแนวคิดเรื่องนี้ ความไม่มีเงินนี่แหละง่ายดี ไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากความ ถ้าไม่มีเงินแล้วจะเอาอะไรกิน รถก็ต้องถูกยึด บ้านก็ต้องโดนเจ้าหนี้ยึด ลูกไม่มีข้าวกิน เมียไม่มีความสุข พ่อแม่ไม่มีเงินรักษาเนื้อรักษาตัว บ้านแตกสาแหรกขาด ฯลฯ ยิ่งพูดก็ยิ่งเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ นะครับ เพราะฉะนั้นแล้วถ้าวันนี้ยังไม่รู้ตัวอีก มัวแต่อ่อนปวกเปียก ท้อแท้ ไม่ลงมือทำหรือลงมือออกไปขายของเลยซักอย่าง คุณก็จะตกงานและไม่มีกินมีใช้ มีแต่ความเดือดร้อนตามที่คิดนี่แหละครับ ใช้ชีวิตอยู่ไม่ได้นานชัวร์
2. กูอยากรวย
ถ้าไม่อยากรวยก็อย่ามาเป็นเซลล์เลยครับ อาชีพนี้เป็นอาชีพเดียวนอกเหนือจากการเป็นเจ้าของกิจการ นักธุรกิจ และอาชีพรับจ้างต่างๆ นั่นคือ “ทำมากแล้วได้มาก” แถมยังเป็นงานที่ถูกต้องและสุจริต พูดอย่างนี้แล้วคุณยังไม่อยากคิดที่จะอยากรวยอยู่เหรอครับ นี่คือโอกาสและเป็นงานที่ขาวสะอาด ขายมากยิ่งได้ค่าคอมมิชชั่นมาก ค่าตัวก็เพิ่มขึ้นมาก เนื้อหอม กลายเป็นคนทำงานมือทองที่ใครๆ ก็อยากได้ตัวไปร่วมงาน ถ้าขายดี ขายเก่ง ขี้คร้านที่บุคคลระดับ CEO หรือเจ้าของฯ จะเข้ามาเดินกอดคอคุณและเรียกคุณว่าลูกค้า ผมไม่ได้ให้คุณไปขายยาบ้าครับ เพราะฉะนั้นจงคิดไปเลยว่า “กูจะต้องรวยแบบสุจริตด้วยการเป็นเซลล์มืออาชีพที่ขาวสะอาด”
ที่สำคัญคืออาชีพนี้มีข่าวดี ถ้าคุณอยากเป็นเจ้าของกิจการซะเอง อยากเป็น CEO คุณสามารถเรียนรู้วิชานักธุรกิจที่ไม่มีสอนในตำรา ในกรณีที่คุณไม่ได้จบคณะบริหารธุรกิจมาก่อน การขายจะทำให้คุณเห็นวิธีการหาเงินตั้งแต่ต้นจนจบ ทำงานนี้ไปจนเชี่ยวชาญ มองหาโอกาสที่ซ่อนอยู่ให้ออก บางทีการประยุกต์ธุรกิจโดยใช้ประสบการณ์จากบริษัทเก่าก็ไม่ใช้สิ่งที่ผิดแต่อย่างใด การรู้วิธีหาลูกค้านั้นสำคัญกว่าการมัวแต่นั่งคิดเรื่องผลิตภัณฑ์หรืองานทางด้านเทคนิคเสียอีก นี่คือหัวใจของการเป็นเจ้าของกิจการยุคเริ่มต้นเลยก็ว่าได้ อาชีพนี้ทำให้คุณรวยได้แบบยั่งยืนแน่นอน
3. อยากรวยไปทำไม
ต่อเนื่องจากเรื่องความอยากรวย ผมต้องขอขยายเหตุผลเล็กน้อยว่าจะรวยไปเพื่ออะไร ความรวยทำให้คุณกลายเป็นคนที่ดีขึ้นได้ เอาแค่คุณมีเงินบริจาคหรือทำสิ่งต่างๆ ให้กับคนรอบข้างที่คุณรัก แม้แต่การเลี้ยงข้าวเพือน คุณก็กลายเป็นคนที่ดีขึ้นแบบลงมือทำจริงแล้วครับ (ฮา) เงินที่ได้มาจะทำให้ชีวิตของคุณมีความสุขมากขึ้น มีบ้านที่ใหญ่และปลอดภัย มีเงินเลี้ยงดูภรรยาอย่างมีความสุข มีเงินส่งเสียลูกให้ได้ร่ำเรียนตามที่พวกเขาใฝ่ฝัน
หรือแม้แต่เรื่องของคุณเองก็เช่นกัน คุณจะชอบรถสปอร์ต ชอบลงทุน ชอบกินอาหารดี เที่ยวต่างประเทศ ซื้อประกันชีวิต ฯลฯ ก็เรื่องของคุณเลยครับถ้ามันทำให้คุณมีความสุข เพียงแต่ทุกอย่างนั้น “ต้องใช้เงิน” นั่นเอง ดังนั้นคุณรู้แล้วใช่มั้ยครับว่าจะรวยกันไปทำไม คิดถึงคนรอบข้างและตัวเองให้เยอะๆ คุณจะหาคำตอบเหล่านั้นได้เอง
4. เปลี่ยนปมด้อยให้กลายเป็น “ปมเด่น”
ผมเจอมาเยอะมากกับบุคคลที่อายุ 30 ขึ้นไป แต่ยังคิดไม่ได้ ชอบตีอกชกลมว่าตัวเองเกิดมาไม่รวย รูปไม่หล่อไม่สวย ไม่ได้จบสูง เลย “ขาดโอกาส” เหมือนคนอื่นเขา ชอบคิดและพูดกับคนรอบข้างเสมอว่า “ใช่สิ ไอ้พวกนั้นต้นทุนมันดี ทำอะไรก็ง่ายไม่ต้องเสี่ยงเพราะบ้านรวย” เป็นคนมีปมเยอะแต่ก็ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับปมนั้นโดยไม่คิดที่จะแก้ไขอะไร ไม่คิดจะทำอะไรให้ตัวเองได้รับโอกาสที่ดีขึ้น ขอบอกตรงนี้เลยนะครับว่าเซลล์ร้อยล้านเป็นลูกคุณครูแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่ต้องเรียนให้หนักเพื่อจบปริญญาและคว้าโอกาสในโลกแห่งการทำงาน ไม่ได้มีแต้มต่อ
ผมเข้าใจดีกับความรู้สึกเจ็บปวดที่ตัวเองได้รับโอกาสไม่เหมือนคนอื่นเขา เรื่องนี้ยังไงก็เป็นเรื่องจริงครับ แต่เราเปลี่ยนโชคชะตาตรงนั้นไม่ได้แล้ว การลงมือเปลียนแปลงและ “คิดสวนทาง” ให้ตัวเองใช้พลังแห่งความผิดหวังเป็นพลังด้านมืดเชิงบวกแบบ “นารูโตะ” ที่ใช้พลังแห่งความโกรธและผิดหวังมาเป็น “แรงขับดัน” ให้กับตนเองว่า “กูต้องไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา” และ “กูจะทำให้พวกมึงเห็นว่าคนที่เคยดูถูกกูนั้น มึงคิดผิด” ซึ่งคำดูถูกจากคนรอบข้างนี่แหละครับ ถือว่าเป็น “ยาดี” ที่ทำให้คุณมีแรงกระตุ้นในการล่ายอดขายและลงมือทำให้ไอ้พวกปากหอยปากปูมันเห็นว่าคุณเก่งและพวกนั้นมัน “กระจอกแค่ไหน”
5. คาถาวิเศษ
คาถานี้สามารถใช้ได้ทันทีและท้าทายเสียด้วย จงประกาศอย่างเสียงดังฟังชัดว่า
“กูจะเป็นท็อปเซลล์ 1 ใน 3 ของบริษัท ภายใน 3 เดือนให้ได้ ถ้ากูทำไม่ได้
กูจะพิจารณาตัวเองและลาออกไปเลย”
คุณกล้าประกาศคาถานี้กับเพื่อนร่วมงานที่สนิทกันหรือคนรอบข้างไหมครับ ถ้ากล้า คุณจะมีคาถานี้เป็น “ชะนักติดหลัง” กดดันตัวคุณว่าคุณต้องทำให้ได้ ที่สำคัญคือคนที่ฟังจะคอย “กดดันคุณ” เพราะถ้าทำไม่ได้ คุณจะถูกด่าว่าเป็นพวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ดีแต่ปาก ถึงจะฟังดูแรง แต่นี่ก็คือยาดีทีทำให้คุณไม่ยอมแพ้และใช้พลังจากคาถานี้ออกไปวาดลวดลายล่ายอดขายอย่างหนำใจกันไปเลย
ผมเชื่อว่าคุณได้คาถาเพิ่มพลังและปลุกพลังการขายแบบฮาร์ดคอร์กันเรียบร้อยแล้วนะครับ ที่เหลือก็คือการออกไปลงมือทำ อย่ายอมแพ้ สู้ๆ นะครับทุกคน
Comments
0 comments