เรียนรู้เทคนิคการขายและการตลาดสไตล์หลุยส์ วิตตอง
หลุยส์ วิตตอง คือแบรนด์ระดับโลกที่เน้นขายกระเป๋าหรูหรา เข็มขัด LV หรืออะไรก็ตามที่แปะกาว่า “LV” ที่เป็นการมีทรัพย์สินแบบ “ตะโกน” ว่ากูรวยนะ (ฮา) ว่ากันง่ายๆ ก็คือสินค้าคุณภาพดีและมีไว้อวดได้นั่นเอง ถือว่าเป็นธุรกิจระดับโลกที่คุณควรเรียนรู้เทคนิคการขายและการตลาดแบบหลุยส์ วิตตอง เพื่อเอาไปปรับใช้กับธุรกิจให้สร้างรายได้แบบทะลุฟ้า (LVMH คือท็อป 10 ธุรกิจที่มีมูลค่าสูงสุดของโลก) เนื่องจากเป็นร้านที่ผมเข้าไปช็อปปิ้งบ่อยๆ จึงสรุปเทคนิคการขายจากแบรนด์นี้ได้มากพอสมควร ดังนี้
1. ทำให้มีจำนวนจำกัด
พูดง่ายๆ คือสินค้าเป็นแบบแฮนเมดและเน้นคุณภาพแบบสุดๆ จึงไม่จำเป็นต้องผลิตออกมาแบบแมสๆ ส่วนใหญ่แบรนด์หลุยส์ฯ จะมีคอลเล็คชั่นที่แทบไม่ซ้ำเลยล่ะครับ แถมยังมีรุ่นแปลกๆ ดีไซน์ใหม่ๆ อีกเพียบ ที่สำคัญคือมีจำนวนจำกัดเพื่อการเก็งราคาและทำให้ลูกค้ารู้สึกภาคภูมิใจเป็นพิเศษนั่นเอง สินค้าไทยที่ทำแบบนี้ก็เช่น Pronto, Holdem Denim หรือพวกเสื้อพลังใบฯ แบบวัยรุ่นสายเขียว เป็นต้น
2. การให้นักขายบริการลูกค้าแบบ 1 ต่อ 1
ร้านหลุยส์ฯ หรือร้านแบรนด์เนมดังๆ จึงต้องมีคนต่อคิวเพราะพนักงานขายนั้นต้องทำงานแบบประกบ 1 ต่อ 1 เพื่อให้บริการแบบสูงสุด ให้เวลากับลูกค้าในการลอง แนะนำดีไซน์ที่เหมาะสม หรือตอบคำถามต่างๆ ไม่ว่าลูกค้าจะใช้เวลาแค่ไหนก็ตาม ถึงจะไม่ซื้อก็มั่นใจได้ว่านักขายของร้านนี้จะให้บริการลูกค้าแบบส่วนตัวที่สุดแน่นอนครับ แม้กระทั่งเรื่องหลังการขายก็ยังมีการไลน์ ส่งข้อความ อัพเดทติดตามลูกค้าเสมอ
3. การจัดหน้าร้านที่ดึงดูดใจ
หน้าร้าน ถือว่ามีความสำคัญและมีอิทธิพลสูงกว่าออนไลน์แน่นอน ร้านหลุยส์ฯ จึงมีการปรับเปลี่ยนหน้าร้านให้มีความดึงดูดเสมอ ภาษาการตลาดเรียกว่า “Visual Merchandising” (ชื่อแม่งโคตรเท่ห์) ทำให้ร้านหลุยส์ฯ จึงเป็นร้านในฝันสำหรับทั้งคนมีเงินและคนไม่มีเงินว่าซักวันกูจะเดินเข้าไปซื้อให้ได้ซักครั้ง หลายๆ คนเอาแค่เซลฟี่ก็ทำให้รูปดูหรูหราขึ้นทันตาเลยล่ะครับ
4. คุณภาพและเป็นงานฝีมือ
Made in France บ่งบอกว่ามันทำจากช่างฝีมือของประเทศฝรั่งเศส เนื้องานจึงเป็นเครื่องหนังคุณภาพสูงแบบไร้ที่ติ (ไม่ได้ค่าโฆษณานะครับ) มันจึงผลิตแบบเยอะๆ โหลๆ ไม่ได้ ซึ่งสอดคล้องกับราคาที่สูงของสินค้าแต่ละอย่างนั่นเอง ถ้าคุณขายสินค้าเน้นงานฝีมือ คุณห้ามขายราคาถูกเด็ดขาดนะครับ
5. ใช้พรีเซนเตอร์หรือแบรนด์แอมบาสเดอร์
หลุยส์ วิตตอง มีแต่ดาราหรือเซเลประดับโลกเท่านั้นที่คู่ควร เอาแค่โรนัลโด้กับเมสซี่ก็ทำให้ผมซื้อกระเป๋าเดินทางแล้วครับเพราะว่ามันเท่ห์จริงๆ ยิ่งแจ็คสัน หวัง ก็โคตรเท่ห์ การลงทุนกับเซเลปทำให้แฟนคลับอยากซื้อตามแน่นอน ธุรกิจของคุณก็สามารถเอาหลักการนี้ไปใช้ด้วยการดึงพวกคนดัง ดารา อินฟลู ยูทูปเบอร์มาเป็นพรีเซนเตอร์ได้ มีพลังกับแบรนด์คุณมากแน่นอนครับ
6. นวัตกรรมการตลาดที่สดใหม่
เอาแค่เป็นแบรนด์แรกๆ ที่นำนักฟุตบอลมาเป็นพรีเซนเตอร์ก็โคตรเจ๋งแล้วล่ะครับ ทั้งๆ ที่กีฬากับแบรนด์เนมไม่น่าจะเข้ากันได้ ผมเคยเห็นลูกฟุตบอล ถุงกอล์ฟ หลุยส์ฯ ก็มีมาแล้ว หรือไลน์ของหลุยส์ฯ ก็สุดยอดมากๆ ที่กราฟฟิกโคตรเจ๋งและเปลี่ยนใหม่เสมอ การตลาดมักจะประยุกต์ให้เข้ากับวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ เชื้อชาติ ศาสนา อีกด้วย
7. ทำให้ลูกค้าได้ประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมและมีบริการหลังการขาย
พูดง่ายๆ ก็คือกล้าให้ลูกค้าลองแบบไม่กั๊กนั่นแหละครับ คุณไม่มีเงินก็สามารถเข้าไปลองสวมใส่หรือสะพายกระเป๋าหลุยส์ฯ ได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นคือการทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ดีๆ จากสินค้าเพิ่มขึ้น เช่น สามารถซื้อชื่อสลักติดกับกระเป๋าได้ ที่เรียกกันว่าโมโนแกรมมิ่ง หรือถ้าคุณใส่รองเท้าหลุยส์ฯ แล้วมันฉีกเพราะตีนคุณใหญ่เกินไป เชื่อไหมว่าสามารถไปเปลี่ยนคู่ใหม่ได้เลย อันนี้ผมเคยโดยตรงเลยครับ
8. โซเชี่ยลมีเดียขั้นสุดยอด
ลองไปกดติดตามหลุยส์ฯ ในไอจี เฟสบุ้ค ไลน์ ฯลฯ นะครับ รับรองว่าได้เห็นโฆษณาหลุยส์ฯ ยิงอัดหน้าตลอดแบบสร้างสรรค์แน่นอน ไม่น่าเชื่อว่าแบรนด์ระดับโลกขนาดนี้ยังต้องลงทุนโฆษณาออนไลน์แบบเต็มสูด สิ่งนั้นก็เพื่อทำให้ลูกค้าไม่ลืมและอยากได้ไปเรื่อยๆ คุณจึงควรทำตามนะครับและดูซะว่าการตลาดที่ดีคือถ่อมตัวและไม่หยุดหรือคิดว่าตัวเองเจ๋งแล้วเด็ดขาด
9. เข้าร่วมอีเวนต์ระดับโลกเป็นประจำ
หลักๆ ก็คือพวกแฟชั่นวีก ซึ่งถ้าไม่มีก็คงไม่ใช่แบรนด์แฟชั่นแน่นอน แต่ความเจ๋งของหลุยส์ฯ คือไปเข้าร่วมอีเวนต์กับงานที่เชื่อมโยงแบรนด์ของพวกเขา เช่น เทศกาลดนตรี กีฬา สถานที่ท่องเที่ยว ฯลฯ ซึ่งเอาตรงๆ แค่มีหลุยส์ ไป X กับแบรนด์ไหนหรือใครเมื่อไหร่ ความบันเทิงและความน่าสนใจบังเกิดแน่นอน
10. เป็นแบรนด์ที่ชอบไป Collaboration กับแบรนด์อื่นสุดๆ
เช่น Louis Vitton x Supreme x Nike x NBA x Nigo ฯลฯ ถือว่าเป็นสุดยอดหลักการตลาดที่ทำให้ทั้งสองแบรนด์ได้ประโยชน์ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น แถมยังเพิ่มความ Exclusive แบบสุดๆ และทำให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษอยู่เสมอ
Comments
0 comments