อ่อนเรื่องการโค้ชชิ่งคน สอนการขายใครไม่เป็น ควรปรับอย่างไร
ปัญหาอันดับหนึ่งที่ทำให้หลายๆ คนล้มเหลวในการเป็นหัวหน้า ผู้จัดการ หรือเก่งอย่างเดียวแต่ไม่สามารถถ่ายทอดความสามารถให้กับลูกน้องได้ก็เพราะคุณ “โค้ชชิ่งคนไม่เป็น” นี่แหละครับ บทความนี้จะไม่ได้กล่าวถึงการเป็นผู้จัดการฝ่ายขายหรือหัวหน้างานที่โค้ชคนเก่งอย่างเดียว แต่สามารถเอาไปประยุกต์กับการโค้ชลูกน้องในแผนกอื่นๆ ได้เช่นกัน รับรองได้ว่าคุณจะปวดหัวกับการสอนคนไม่เป็นน้อยลงอย่างแน่นอนครับ
1. ลองฝึกคัดหรือเขียนทักษะการทำงานที่ตนเองมีออกมาเป็นตำราจากประสบการณ์ล้วนๆ
ผมบอกเลยครับว่าการโค้ชใครก็ตามที่คุณต้องการ คุณจะต้องเขียนหลักการและสร้างหลักสูตรเพื่อให้ “คนที่ไม่เป็น” หรือคนที่พอมีแวว เรียนรู้ตำราของคุณแล้วสามารถเอาไปปฎิบัติตามกันได้ ขนาดวิชายากๆ อย่างแคลคูลัสหรือฟิสิกส์สมัยเด็กยังสามารถคัดออกมาเป็นตำราได้เลย ดังนั้นคุณควรนั่งคิดก่อนเสมอว่าทักษะหัวหน้าทีมที่คุณมีและโดดเด่น เช่น คุณเป็นหัวหน้าทีมขาย คุณจะสอนลูกทีมและสร้างหลักสูตรออกมาเป็นตำรา ไล่ตั้งแต่วิธีเปิดการขาย ถามคำถาม นำเสนอ สาธิต ตอบข้อโต้แย้ง ต่อรองราคา ปิดการขาย ฯลฯ โดยคัดจากประสบการณ์ที่เคยทำงานออกมาให้ได้ ถ้าสร้างหลักสูตรขึ้นมาได้ก็น่าจะเริ่มสอนคนอื่นได้แล้วครับ
2. โค้ชชิ่งคนจากสิ่งใกล้ตัวและง่ายที่สุดด้วยการทำของจริงให้ดูก่อน
อย่างน้อยการเรียนรู้แบบ “ครูพักลักจำ” ก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่นัก ลูกน้องเห็นคุณทำงานให้ดูตรงหน้าอยู่บ่อยๆ พวกเขาย่อมเรียนรู้ได้ไม่มากก็น้อย อีกทั้งยังพัฒนาเสริมจากหลักสูตรที่คุณได้สร้างไว้แล้วได้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ ถ้าคุณเป็นหัวหน้าทีมขายแล้วต้องการสอนลูกน้องเรื่องการคุย การจีบลูกค้า หรือปิดการขาย ชัดเจนที่สุดคือการลงมือทำของจริงให้ดูต่อหน้า ซึ่งแผนกอื่นไม่ต้องพูดถึงครับ ทำแบบเดียวกับ ยิ่งฝ่ายช่างหรือเทคนิคก็ต้องสอนจากภาคปฎิบัติมากกว่าภาคทฤษฎีด้วยซ้ำ สิ่งนี้จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลว่าทำไมคนที่ทำงานเก่งที่สุด ฝีมือเยี่ยม มักถูกเจ้านายดึงให้เป็นระดับหัวหน้าเพราะอย่างน้อยก็สอนงานจากของจริงได้ครับ
3. ควรฝึกทักษะการอ่านคนให้ออกเรื่องนิสัยและฝีมือ
คุณเป็นหัวหน้าคนอื่นและต้องมีลูกทีมไว้คอยสอนงาน คุณจำเป็นต้องฝึกสกิลการอ่านทักษะคนอื่นอย่างมาก ต้องมองให้ออกว่าลูกน้องคนนี้มีจุดอ่อนและจุดแข็งด้านอะไร ควรปรับหรือเสริมจุดไหน วิธีง่ายๆ คือ “เอาตัวคุณเป็นมาตรวัด” หรือเป็นเครื่องมือในการเปรียบเทียบในทุกๆ จุด ไล้ตั้งแต่ซอฟท์สกิลยันฮาร์ดสกิล เมื่ออ่านคนอื่นเรื่องทักษะการทำงานได้แล้ว ที่เหลือก็คือทักษะในการสื่อสาร นิสัย และทัศนคติ เพื่อให้คุณปรับตัวเข้าหาลูกน้องแต่ละคนและเลือกคำสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ จงจำไว้ว่าลูกน้องเปรียบเสมือนนักฟุตบอลที่เก่งคนละตำแหน่ง นิสัย พื้นเพก็ไม่เหมือนกัน การสอนจึงต้องปรับให้เข้ากับแต่ละคนให้ดีครับ
4. จัดกิจกรรม Role-Playing Game อย่างสม่ำเสมอ (สุดยอด)
RPG หรือการสร้างบทบาทสมมติเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ กระชับเวลา และง่ายที่สุด โดยปรับตั้งแต่การเล่นเป็นลูกค้า หัวหน้า เพื่อนร่วมงาน หรือให้ลูกน้องได้ฝึกงานจากสถานการณ์เสมือนจริงก่อนออกไปทำงานจริงๆ ยิ่งถ้าเป็นฝ่ายขายรับรองเก่งขึ้นเร็วแน่ๆ เพราะคุณจะได้ปั่นลูกน้องและสวมบทบาททั้งโหดและไม่โหด เพื่อให้ลูกน้องคุ้นชินก่อนออกไปเจอของจริงครับ วิธีนี้ช่างเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมจริงๆ
5. เข้าร่วมการสัมมนาสร้างโค้ชที่เก่งหรือจ้างวิทยากรจากภายนอกมาฝึกอบรมทีม
เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้ผลและรวดเร็ว อีกทั้งยังได้วิธีการสอน การโค้ชคนใหม่ๆ จากวิทยากรระดับมืออาชีพ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ทำธุรกิจอะไรนอกจากการสอน แต่สิ่งที่โค้ชนั้นเก่งก็คือวิธีการถ่ายทอดและสอนคนอื่น ซึ่งสิ่งเหล่านี้คุณควรเรียนรู้จากคนมีประสบการณ์นั่นเองครับ
ผมบอกเลยว่าการโค้ชคนนั้น ใครๆ ก็ทำได้ถ้าเปิดใจและลงมือด้วยวิธีที่ถูกต้องครับ
Comments
0 comments