เทคนิคเขียนอีเมลให้ลูกค้าเงียบกริบ ยอมรับนัดแบบมือโปรด้วย Reminder Email
ปัญหาน่าปวดหัวของการขายอีกเรื่องนึงก็คือ “การทำนัดลูกค้าใหม่ไม่ได้” ซึ่งอย่าว่าแต่ขายของให้ได้เลยครับ (ไม่เคยซื้อขายกันมาก่อนก็ยากชิบหายอยู่แล้ว) เอาแค่คุณทำยังไงก็ได้ให้พวกเขาเปิดโอกาสให้คุณมาพบก่อนดีกว่า (อันนี้ก็ยากไม่แพ้กัน) และผลสำรวจส่วนใหญ่ในวงการขายแบบ B2B มักจะ “ตัน” หลังจากคุยๆ กับลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่จะให้คุณ “ส่งเมลมาก่อน”
การได้อีเมลแล้วก็ส่งโปรไฟล์บริษัทเข้าไป จากนั้นก็เงียบกริบ คุณจึงคิดไปเองว่า “แล้วให้เมลกูมาทำไมวะเนี่ย” ผมจึงขอบอกเลยว่าคุณยังไม่ได้ล้มเหลวครับ โชคดีด้วยซ้ำ และนี่คือเทคนิคในการเขียนอีเมลให้ได้รับนัดจนได้ในที่สุด ถึงแม้ว่าเงียบนานแค่ไหนก็รับนัดคุณได้อยู่ดี อยากรู้กันรึยังครับ ดังนี้เลย
1. เขียนอีเมลแบบมือโปรแนะนำตัวให้สั้น กระชับ
วิธีเขียนอีเมลก็เหมือนการแชตลิ้งก์อินกับลูกค้า โดยโครงสร้างประกอบด้วย
– บทเกริ่นนำว่าได้เมลหรือรู้จักได้ยังไง ชื่อ ตำแหน่ง บริษัท ผลงานของบริษัท
– สินค้า บริการ หรือฮีโร่โซลูชั่นที่ลูกค้าฟังแล้วน่าจะว้าวจากประโยชน์ที่เข้าใจง่าย
– บอกจุดประสงค์ว่าจะขอทำนัดเข้าพบ
ตัวอย่างเช่น
เรียนคุณ เอกชัย ครับ
ตามที่ผมได้อีเมลคุณเอกชัยจากการโทรเข้าบริษัท ผมแพน เป็นที่ปรึกษาด้านการขายของบริษัท xxx ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านระบบ yyyy และมีผลงานกับธุรกิจที่หลากหลาย เช่น xxx, yyy, zzz (เอาธุรกิจที่ลูกค้ารู้จัก)
ผมมีความต้องการนำเสนอและแชร์คุณค่าของโซลูชั่นใหม่ล่าสุดเกี่ยวกับเทคโนโลยี AI Chatbot ซึ่งช่วยให้การขายในแพลทฟอร์มออนไลน์ของคุณเอกชัยดีขึ้นและสร้างผลกำไร พร้อมทั้งมี Case Study ที่น่าสนใจ ใช้เวลาไม่นานครับ
เบื้องต้นรบกวนพิจารณาช่วงเวลา
– 10th Aug, 2pm
– 11st Aug, 10am
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้พบกันครับ
หลังจากนั้นให้รอ Feedback ประมาณ 1-2 วัน ไม่ต้องรีบร้อนนะครับ
1.5 อย่าลืม CC หรือลูปคนที่เกี่ยวข้องเข้าไปด้วย
โดยเฉพาะเจ้านาย เพื่อนร่วมงานตำแหน่งที่ทำงานด้วยกันโดยตรง เพื่อให้พวกเขาเห็นว่าคุณมีแอคชั่นและมีกิจกรรมในการพยายามนัดหรือหาลูกค้าใหม่เสมอ เวลาลูกค้าตอบกลับก็จะได้เห็นทั้งหมด คุณจะได้คะแนนจากเจ้านายเยอะมากในเรื่องนี้
2. แนบไฟล์ประวัติบริษัทหรือ Company Credential ที่เข้าใจง่าย
รายละเอียดเกี่ยวกับ Company Profile มีความสำคัญตรงที่ “ลูกค้าจะเปิดอ่านหรือไม่” ซึ่งคุณต้องละเอียดและสังเกตให้มาก โดยมีจุดสังเกตเพื่อให้ลูกค้าเปิดอ่านและสนใจที่สุด ดังนี้
– ไฟล์ควรมีขนาดไม่เกิน 4MB เพราะอีเมลของลูกค้าบางบริษัทรับขนาดไฟล์ได้จำกัด คลิกอ่านได้ไว ไม่เปลืองเน็ต
– รูปแบบไฟล์ต้องเป็น PDF เท่านั้น เพื่อให้ลูกค้าคลิกได้ทันทีหรือ Forward ไปให้แผนกที่เกี่ยวข้อง
– ไฟล์แนะนำบริษัทควรเน้นรูปภาพที่เข้าใจง่ายถึงผลลัพธ์ เป็นไปได้ไม่ควรมีหน้าเกิน 10 หน้า
ซึ่งคุณต้องเข้าใจว่าลูกค้าส่วนใหญ่มักไม่เปิดอ่านกันอยู่แล้ว
3. เทคนิคสำคัญ: ส่ง Reminder Email เพื่อให้ลูกค้าตอบรับนัด
ส่วนใหญ่ลูกค้ามักเงียบและคุณต้องฟันธงไปเลยว่าลูกค้าทุกคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน เวลาส่งเมลให้พวกเขาก็จะเงียบหมด ถ้าลูกค้าตอบกลับหรือยอมรับนัดนั่นหมายถึงดวงดี ดังนั้นเราจะทำ Reminder Email ให้ลูกค้าทุกรายด้วยเทคนิคนี้
– ทำการ Reply All อีเมลจากต้นขั้วที่คุณส่งไปทั้งหมดเพื่อให้ลูกค้าเห็นขั้วว่าคุณเคยส่งเมลให้พวกเขา และทำให้เจ้านายเห็นว่าคุณพยายามติดตามงาน
– เขียนอีเมลในลักษณะสอบถามว่าลูกค้าได้รีวิวไฟล์แนบหรือคิดเห็นอย่างไรกับสิ่งที่คุณนำเสนอ
– ตอกย้ำว่าคุณสามารถทำประโยชน์ให้กับพวกเขาได้อย่างไร และคุณมีความยินดีกับความต้องการในการเจอหน้าเพื่อแชร์ให้ฟังมากๆ
– ให้ทางเลือกกับลูกค้าเพื่อให้พวกเขา “ส่งต่อ” (Forward) ไปหาผู้เกี่ยวข้อง เช่น ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน หัวหน้า ซึ่งคุณจะได้รับการ Refer จนได้นัดแน่นอน
ตัวอย่างเช่น
คุณ เอกชัยครับ หลังจากที่แพนได้ส่งอีเมลแนะนำบริษัทเมื่อสองวันก่อน คุณเอกชัยได้รีวิวไฟล์แนบที่ส่งให้รึยังครับ พอดีมี solution SD WAN กับ Cloud ที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายและคิดว่าเป็นประโยชน์กับธุรกิจ xxx และอยากเจ้าไปแชร์ให้ฟังมาก
หรือพอจะแนะนำ Key Person สำหรับให้ติดต่อเพื่อไม่ให้คุณ เอกชัย เสียเวลามั้ยครับ?
รับรองว่าผลลัพธ์เป็นเลิศอย่างแน่นอน
Comments
0 comments