ไม่รู้ว่าจะตั้งราคาขายอย่างไร ลองใช้วิธีนี้

มีเรื่องที่น่าปวดหัวสำหรับคนทำธุรกิจที่ก่อตั้งขึ้นมาด้วยตนเอง ส่วนใหญ่เป็นงานฝีมือและใช้ทักษะส่วนตัว เช่น งานออกแบบ งานรับติดตั้ง งานบริการต่างๆ เป็นต้น

ซึ่งเวลาตั้งแพงไปก็กลัวลูกค้าจะไม่ซื้อ หายหัวกันหมด ครั้นจะตั้งราคาถูกไปก็กลัวว่าจะไม่ได้กำไรหรือได้ไม่คุ้มเสีย อนาคตต้นทุนสูงขึ้นก็ไม่กล้าขึ้นราคาอีก ถ้าคิดอะไรไม่ออกก็ลองวิธีของผมดูเลยครับ

1. คิดต้นทุนให้ถี่ถ้วนเสียก่อน

ทำความเข้าใจให้หมดว่าต้นทุนสินค้าหรือบริการของคุณมีอะไรบ้าง หลักๆ คือราคาวัตถุดิบ สินค้า ค่าลูกน้อง และมากกว่านั้นคือพวกค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าส่งของ ค่าเช่าที่ ฯลฯ ต้องดีดออกมาให้ครบว่าต้องขายกี่ชิ้น กี่ครั้ง ถึงจะคุ้มทุน สุดท้ายคือ “ค่าฝีมือ” ซึ่งถ้าคุณมั่นใจว่าคุณเจ๋งจริง คุณก็สามารถบวกราคาได้มากขึ้นอีก

2. เข้าใจตลาด

ตลาดที่ว่านี้ก็คือกลุ่มลูกค้า พื้นฐานก็คือคุณกำลังจับหรือต้องการขายลูกค้ากลุ่มไหนอยู่ เช่น ตลาดบน กลาง ล่าง ยิ่งลูกค้ามีตังก็สามารถตั้งราคาสูงได้ เป็นต้น

3. คิดค้นกลยุทธการตั้งราคา

วิธีคือให้เอาคู่แข่งมาเทียบ ถ้าคุณอยากตั้งราคาสูงกว่า คุณต้องโฆษณาว่าคุณเหนือกว่าด้วยคุณภาพหรือบริการ สถานที่ดูดีกว่า อารมณ์คุณเปิดร้านกาแฟใหม่แล้วจะทุบร้านคู่แข่งแบบยกตัวเองให้เหนือกว่าอ่ะครับ หรือเน้นตัดราคาเพื่อดึงดูดลูกค้าได้มากกว่า ทั้งๆ ที่ให้บริการหรือคุณภาพเท่าเทียบกับคู่แข่ง

4. คำนวณกำไรที่ได้

ทั้งแบบขั้นต้นและแบบสุทธิ ถ้ามีนักการเงินหรือนักบัญชีเก่งๆ ตรงนี้จะช่วยบริหารต้นทุนและทราบผลกำไรที่แท้จริงได้มาก กำไรขั้นต้นที่ได้มีผลต่อการนำไปแจกค่าคอมมิชชั่นกับทีมขาย หรือนำไปแปลงเป็นโปรโมชั่น Loyalty Program ดีๆ ให้กับลูกค้าก็ได้

5. ติดตามผลและปรับแต่งราคาเสมอ

ไม่ว่าสินค้าคุณจะเคลื่อนไหวเร็วหรือช้า คุณต้องติดตามผลลัพธ์ซึ่งชัดที่สุดก็คือการซื้อของลูกค้า ลองสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับราคาว่าคุ้มค่าหรือรู้สึกอย่างไร ถ้าเริ่มมีเสียงบ่นว่าแพงไปหรือเริ่มไม่ซื้อคุณ แต่ไปซื้อคู่แข่ง อย่างนี้อาจส่งสัญญานว่าคู่แข่งกำลังทำอะไรบางอย่าง คุณจำเป็นต้องปรับราคาของคุณ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts