วิธีฝึก Emotional Intelligence ให้มีความฉลาดทางอารมณ์มากขึ้น
วันนี้มีบทความชั้นเยี่ยมจากสถาบันธุรกิจระดับโลก “ศศินทร์” โดย Professor Ragil Ratnam มาฝากกันครับ ซึ่งท่านสอนวิชา Negotiation ที่เหมาะมากสำหรับการเป็นสุดยอดนักขายและนักธุรกิจเช่นคุณ การกระทำธุรกรรมใดๆ ทางธุรกิจและงานบริหารทุกอย่างจะหนีไม่พ้นการเจรจาต่อรองอย่างแน่นอน
เมื่อมีการเจรจาต่อรองเกิดขึ้น สิ่งที่เป็นแก่นแท้เพื่อให้การเจรจาบรรลุผลอย่างมีประสิทธิภาพแบบ Win-Win ทั้งสองฝ่ายก็คือความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence) ที่ใครมีเยอะก็ย่อมบรรลุข้อตกลงทางธุรกิจได้ง่ายกว่าคนทั่วๆ ไป
เชื่อหรือไม่ว่าเรื่องอารมณ์ไม่ได้เป็นสิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ส่วนใหญ่มาจากประสบการณ์การใช้ชีวิตและทัศนคติที่ต้องการเปิดใจในการเรียนรู้ตนเองกับผู้อื่นเกี่ยวกับอารมณ์ต่างหาก มาดูกันว่าคุณสามารถฝึกฝนให้เป็นคนที่มี EI หรือ EQ ที่ยอดเยี่ยมขึ้นได้อย่างไร
อย่างแรกเลยก็คือ Self-Awareness คือการตื่นรู้หรือมีสติว่าตัวเองมีอารมณ์อย่างไรตลอดเวลา
เช่น คุณพึ่งทะเลาะกับเมียมาและเดี๋ยวต้องโทรไปหาลูกค้า คุณรู้ดีว่ายังไม่พร้อมที่จะคุยจึงไม่โทร เป็นต้น
การฝึกฝนให้รู้จักเป็นคนที่มีความตื่นรู้ตลอดเวลาคือการเข้าใจตนเองก่อนว่าตอนนี้มีอารมณ์อย่างไร
เช่น อารมณ์ดี เสียใจ เศร้า โกรธ อิจฉา หงุดหงิด คาดหวัง เหนื่อย ฯลฯ ให้ได้เสียก่อน
เข้าใจตนเองให้ได้ว่ามีอารมณ์แบบไหนอยู่ เท่านี้ก็ถือว่าเริ่มต้นในการเป็นผู้ตื่นรู้ด้านอารมณ์ที่ดีได้แล้วครับ
ส่วนต่อมาเลยก็คือ การจัดการอารมณ์ (Managing Emotion) ซึ่งคุณคงแปลกใจไม่น้อยว่าเกิดอารมณ์ขึ้นมาแล้วทำไมต้องจัดการด้วย ปล่อยให้เลยตามเลยไม่ได้เหรอ คำตอบคือไม่ได้ครับ ต้องจัดการด้วยสติเสมอ เช่น คุณโดนขับรถปาดหน้าแถมยังขับกวนตีน คุณจึงโกรธและอยากเอาคืน ต่อมาคือเอาคืนสำเร็จด้วยการปาดหน้าและลงไปเคาะกระจก แต่ดันเจอคนจริงเหมือนกันจึงโดนชก อัดคลิป กลายเป็นเรื่องใหญ่
ผลก็คือนอกจากเจ็บตัวแล้วยังมีโอกาสโดนอัดคลิปเอาไปปล่อยในโซเชี่ยลจนขายขี้หน้า คนทั้งประเทศรุมด่าแถมยังโดนไล่ออกจากงาน ทุกอย่างไม่ควรเกิดขึ้นถ้าคุณจัดการอารมณ์ให้ได้ด้วยการบอกว่า “ช่างมัน” และเปิดเพลงที่ชอบเพื่อให้อารมณ์สงบจะดีกว่านะครับ
ถัดไปคือ “Motivating Oneself” คือความสามารถในการกระตุ้นอารมณ์ของตนเอง โดยเฉพาะเวลาตระหนักรู้ว่าตนเองนั้นอยู่ภายใต้อารมณ์ที่ขุ่นมัว หงุดหงิด กดดัน และสามารถปรับอารมณ์ของตนเองให้กลับมาสุขุม แฝงไปด้วยรอยยิ้ม หรือภาษาเล่นไพ่คือ “Poker Face” ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ซึ่งการฝึกให้ทำเรื่องแบบนี้ได้จำเป็นต้องมีวินัยอย่างสูงเลยทีเดียว เพราะมันยาก แต่ทำได้นั้นดีแน่นอน
เมื่อรู้ตัวเองและปรับตัวเองได้แล้วก็ถึงเวลาที่จะ “Recognizing Emotions in Others” คือการอ่านอารมณ์ของอีกฝ่ายได้ ไม่ว่าจะเป็นสีหน้า แววตา ท่าทาง ไปจนถึงน้ำเสียงที่บ่งบอกได้ว่าคนคนนั้นกำลังรู้สึกยังไงดู สกิลนี้เทพมากๆ เพราะจะทำให้การสื่อสารตามอารมณ์ของคนที่คุณคุยนั้นราบรื่นมากขึ้น
สุดท้ายแล้วก็คือ “Handling Relationships” ซึ่งก็คือการบริหารความสัมพันธ์ให้ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น คุณรู้ว่าคู่สนทนากำลังเครียดและหงุดหงิด คุณจึงเป็นผู้ช่วยในการ Calm down ให้เขาเย็นลง มีอารมณ์ที่ดีขึ้น เอาแค่นี้คุณก็สามารถเป็นเพื่อนกับใครก็ได้บนโลกนี้แล้วล่ะครับ
Comments
0 comments