ศาสตร์แห่งการกินเหล้ากับลูกค้าชั้นสูง
ผมเชื่อว่าในงานขายระดับสูง หรือการทำดีลระดับเทพ กิจกรรมสันทนาการยอดฮิตและเป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญที่สามารถกระชับความสัมพันธ์ให้ดีขึ้นกับลูกค้าได้ก็คือ “การกินเหล้า” (ฮา) ซึ่งบทความนี้คงโดนใจเหล่านักขายคอทองแดงหลายๆ คนแน่นอน แต่ก็สร้างความอึดอัดไม่น้อยให้กับคนที่ไม่ชอบกินเหล้าเลย ดังนั้นผมจะขอแชร์ศาสตร์และศิลป์ในการกินเหล้ากับลูกค้าให้พวกเขาประทับใจและปิดงานใหญ่ได้ในที่สุด ดังนี้เลย
1. รู้ลิมิตของตัวเองก่อนเสมอ
คุณต้องถามตัวเองและรู้ตัวได้แล้วว่าสามารถกินเหล้า เบียร์ ไวน์ เอาแบบครองสติได้ พูดจารู้เรื่อง ชิลๆ ได้ประมาณกี่แก้ว เพื่อให้รู้ว่านี่คือการดื่มเพื่อหน้าที่ ไม่ใช่เพื่อความบันเทิง การเมาจงครองสติไม่ได้หรือเกินลิมิต ถึงขั้นเกิดอุบัติเหตุหรือโดนจับเมาแล้วขับจะต้องไม่เกิดขึ้นกับคุณเป็นอันขาด
2. ให้ลูกค้านำหน้าคุณก่อนเสมอ
ไม่ได้หมายถึงเดินนำหน้านะครับ แต่หมายถึงให้พวกเขาเป็นคนเริ่มดื่มก่อน หรือดื่มนำหน้าคุณ ถ้าพวกเขาดื่ม 1 แก้ว คุณจะดื่มตามๆ ไป แต่ยังไม่หมดแก้ว ถ้าเขาดื่ม 3 แก้ว คุณก็ประมาณ 1-2 แก้วก็พอแล้ว เก็ตไหมครับ นอกจากจะเก็บทรงอยู่แล้วยังมีแนวโน้มว่าลูกค้าจะเมาก่อนคุณและคุณมีสติแน่นอน (ฮา) ที่สำคัญคือควรดื่มอะไรที่เข้าพวกเสมอ เช่น เขากินเหล้า คุณจะไม่สั่งเบียร์แยก เป็นต้น
3. สถานที่ต้องได้
สำคัญมากๆ ว่าสถานที่ต้องมีความเหมาะสม มีตติ้งสำคัญควรมีความเงียบสงบแบบผู้ดีชั้นสูง เป็นร้านดังและมีชื่อเสียงก็ไม่เลว ตามงบประมาณที่ตั้งไว้ จำไว้เสมอว่าคุณพาลูกค้ามาบันเทิงบวกกับคุยเรื่องธุรกิจไปด้วย ร้านที่เน้นความหรูหรา ประนีต มีดนตรีคลอๆ แต่ไม่ใช่สไตล์ผับจ๋าๆ ที่เปิดแผ่นดีเจ จะมีแนวโน้มว่าคุยงานและเก็บทรงได้ดีกว่า ยิ่งคนเยอะอย่างผับจะยิ่งเสียเรื่องเพราะสาวๆ เยอะ สายตาลูกค้าอาจจะวอกแวกได้
4. สั่งเครื่องดื่มอย่างฉลาด
หลักการง่ายๆ เลยก็คือเครื่องดื่มที่ใช้เลี้ยงลูกค้าไม่ควรมีแอลกอฮอลที่หนักเกินไป จะเป็น เหล้าแบบมีมิกเซอร์ ไวน์ เบียร์ ค็อกเทล ก็ไม่ว่ากัน แต่จงหลีกเลี่ยงการสั่งแบบเป็นช็อตพวกวิสกี้ ว๊อดก้า อะไรทำนองนี้นะครับเพราะเดี๋ยวจะเก็บทรงไม่อยู่
5. ควบคุมตัวเองตลอดเวลา
เรื่องนี้พูดง่ายแต่ทำยาก โดยเฉพาะพวกที่กินเหล้าหนัก คอแข็ง หรือชอบบรรยากาศในวงเหล้า เพราะการเริ่มเมาจะทำให้คุณพูดมากแบบไม่รู้ตัว วิธีคือท่องไว้เสมอว่า “ทำงาน ทำงาน ทำงาน” ยังไงก็ไม่ใช่การกินเหล้ากับเพื่อนเด็ดขาด อย่าให้แอลกอฮอลมีผลต่อความสามารถในการคุยงานและตัดสินใจเด็ดขาด
6. มีส่วนร่วมในการสนทนาที่เหมาะสม
หาโอกาสให้เจอเวลาพูดคุยในวงเหล้ากับลูกค้า ข้อดีคือสามารถเปิดเผยหรือพูดคุยเรื่องส่วนตัวได้ระดับนึง จำไว้ว่าพอร้านค่อนข้างเงียบ บรรยากาศค่อนข้างดี การเงียบเกินไปจะไม่เกิดประโยชน์เท่าไหร่ ดังนั้นการคุยเรื่องส่วนตัวจึงเป็นอะไรที่สามารถคุยได้เพื่อสร้างบรรยากาศความสนิทสนมให้มากขึ้น
7. หลีกเรื่องเรื่องหรือประเด็นที่ไม่เป็นเรื่อง
โดยเฉพาะเรื่องฉาวๆ ด้านลบ ไม่ว่าจะเป็นการบ้าน การเมือง อาชญากรรม ศาสนา ฯลฯ หรืออะไรที่มีแนวโน้มว่าจะเกิดความขัดแย้งได้ เพราะเรื่องแบบนี้มีความเสี่ยงมากที่จะทำให้คุณพูดไม่เข้าหูลูกค้าจนเสียบรรยากาศและถึงขั้นเสียธุรกิจเลยก็ว่าได้
8. อย่าล้ำเส้นลูกค้าและอย่าให้ลูกค้าล้ำเส้นมากเกินไป
ไล่ตั้งแต่วาจาซึ่งก็คือการคุยหรือถามเรื่องส่วนตัวเกินไป หรือภาษากายเช่นการแตะเนื้อต้องตัวโดยเฉพาะเพศตรงข้าม หรือถ้าคุณรู้สึกโดนคุกคามโดยลูกค้าก็ควรสร้างขอบเขตหรือปฎิเสธอย่างนุ่มนวลไม่ว่าจะเป็นการตอบคำถามหรือการกระทำในเรื่องที่อึดอัดที่จะตอบ รับรองว่าคุณจะมีอำนาจเหนือกว่าและดูน่าเกรงใจแน่นอน คือจะบอกว่าถ้าลูกค้าล้ำเส้นมากเกินไปอย่างนี้ยอมทิ้งดีลดีกว่าเพราะถือว่าไม่ใช่สุภาพบุรุษแล้วคนแบบนี้ไม่สมควรทำธุรกิจด้วยอยู่แล้ว
9. สั่งอาหารแบบมีชั้นเชิง
เทคนิคการสั่งอาหารแบบง่ายๆ ก็คือให้บริกรแนะนำเมนูเด็ดของร้านก่อน จากนั้นดูองค์ประกอบอาหารและกับข้าวว่ามีครบองค์ประกอบอย่างนี้หรือไม่ ซึ่งก็คือ ต้ม ผัด ทอด ย่าง และมีเมนูที่หลากหลาย เช่น เนื้อ ผัก ยำ ของทอด ฯลฯ ซึ่งจะคละๆ กันไปแบบกลมกล่อม อย่างนี้ลูกค้าจะดูออกว่าคุณสั่งอาหารเป็น และควรให้ลูกค้าเป็นผู้เลือกก่อนเสมอ ถ้าลูกค้าส่งไม้มาให้คุณก็สั่งอาหารตามนี้เลย
10. ให้ลูกค้านั่งในตำแหน่งที่ดีที่สุด
ลองดูว่ามีมุมหรือจุดเด่นๆ ที่เห็นนักร้องชัดเจน หรือไม่ใกล้ทางเข้า-ออก ไม่ใกล้หน้าห้องน้ำ นี่คือทำเลที่ดีที่ควรจัดให้ลูกค้านั่งในทำเลที่ดีที่สุดเสมอ
12. หาคนขับรถมารับคุณด้วย
นี่คือสิ่งที่คุณควรลงทุนด้วยการดื่มอย่างรับผิดชอบต่อสังคม เรียก Grab Driver หรือ U Drink I Drive มารอก่อนกลับจะทำให้คุณดูดีมากในสายตาลูกค้า ถ้าขี้เกียจก็นั่งแท็กซี่มาเจอลูกค้าเองก็ได้ครับ
13. คุณเป็นคนจ่ายเสมอ
เตรียมเอกสารออกบิลบริษัทให้พร้อมและชำระเงินเลี้ยงลูกค้าแบบมืออาชีพ
14. ติดตามผลด้วยนะ
ด้วยความห่วงใยแบบง่ายๆ เช่น ขากลับเมื่อคุณถึงบ้านแล้วก็ควรโทรสอบถามว่าพวกเขาถึงบ้านหรือยัง หรือส่งข้อความไปบอกถึงความห่วงใย แค่นี้ก็ได้ใจมากๆ แล้ว หรืออีกวันโทรไปถามก็ได้ครับว่าคุณดูแลพวกเขาโอเคมั้ย มีอะไรต้องปรับปรุง
Comments
0 comments