ทำการตลาดเชิงรุกสำหรับธุรกิจ B2B ด้วยวิธีนี้
ยุคนี้หลายๆ คนที่ทำธุรกิจคงรู้จักวิธีการทำ Inbound Marketing ด้วยช่องทางที่แพร่หลาย โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ เว็ปไซต์ โซเชี่ยลมีเดีย หรือแบบคลาสสิคอย่างการทำสัมมนา จัดอีเวนต์ เพื่อทำให้ลูกค้ารู้จักคุณมากขึ้นและเป็นฝ่ายเดินมาซื้อคุณเอง อย่างนี้เรียกว่า Inbound Marketing ครับ
วันนี้จึงขอพูดถึงแผนการตลาด “เชิงรุก” คือไม่ต้องรอให้ลูกค้าเป็นฝ่ายเดินเข้าหา แต่คุณเป็นฝ่ายเปิดเกมเพื่อให้ลูกค้าเกิดความสนใจแบบไม่ต้องรอ เรียกได้ว่าการตลาดที่มีประสิทธิภาพสำหรับธุรกิจแบบ B2B จำเป็นต้องมี 2 รูปแบบนี้อย่างผสมผสาน คุณสามารถลงมือทำได้ ด้วยวิธีนี้
1. Telemarketing
คล้ายๆ กับการขาย เพียงแต่ต่างกันตรงที่คุณสร้างทีมคอลเซนเตอร์ขึ้นมา หรือให้ทีมขายนี่แหละเป็นคนโทร อารมณ์แบบพวกค่ายมือถือหรือบัตรเครดิตอ่ะครับ วิธีการก็ง่ายๆ คือมีข้อมูลส่วนตัวลูกค้ากับหาผลประโยชน์ ข่าวสาร หรือโปรโมชั่นใหม่ๆ และหมั่นโทรหาฐานลูกค้าเก่าก่อนอยู่เป็นประจำ แค่นี้ก็ปิดยอดขายได้แบบง่ายๆ แล้ว
2. Email Marketing
คุณควรใส่ใจกับการเก็บฐานข้อมูลอีเมลของลูกค้าที่พบเจอ กรอกมาทางอีเมลหรือได้นามบัตร จากนั้นก็ออกแบบอีเมลที่มีเนื้อหาอ่านง่าย เน้นรูปภาพ โปสเตอร์ ข้อความดึงดูด จากนั้นก็ให้ทีมการตลาดฉีดอีเมลไปหากลุ่มเป้าหมายแบบเป็นประจำ ที่สำคัญคือแทบไม่ต้องใช้เงินเลย ลูกค้าจะอ่านหรือไม่อ่านก็ไม่เป็นไร เนื้อหาที่สดใหม่ ปรับปรุงเรื่อยๆ จะเข้าตาลูกค้าในไม่ช้าแน่นอน
3. Direct Mail
คือการส่งอีเมลหาลูกค้าที่สำคัญโดยตรงแบบบุคคลต่อบุคคล ต่างกับ Email Marketing ตรงที่ข้อความหรือรูปภาพจะตรงกับคนที่ส่งหามากที่สุด แนะนำให้ทีมขายที่ดูแลลูกค้าสำคัญเหล่านั้นเป็นผู้เขียนเพื่อความเป็นกันเองและใช้ความสัมพันธ์ที่ดีมากที่สุด
4. Social Media Outreach
คือการส่งข้อความหาลูกค้าผ่านช่องทางโซเชี่ยลมีเดียผ่าน Inbox ไม่ว่าจะเป็น LinkedIn, Facebook, Facebook Group, Line, etc. เพื่อลดการใช้โทรศัพท์และสามารถออกแบบข้อความให้ตรงกับลูกค้าได้มากที่สุด ที่สำคัญคือแนบไฟล์หรือรูปภาพให้ลูกค้าได้ด้วย
5. Content Marketing
ต่างกับการเขียนบทความลงเว็ปที่ต้องล่อให้ลูกค้ามาอ่าน แต่เป็นวิธีการเชิงรุกกว่านั้น เช่น การทำ E-Book, Case Study, Magazine หรือเอกสารที่มีประโยชน์เป็นบทความ รูปภาพ วีดีโอ เกี่ยวกับความเชี่ยวชาญหรือวิธีแก้ปัญหาต่างๆ จากนั้นก็ส่งให้ลูกค้าโดยตรงผ่าน Email Marketing หรือ Inbox ไปให้ก็ได้
6. Webminar หรือ Virtual Event
ฮิตมากๆ ในยุคนี้ สามารถจัดอีเวนต์ออนไลน์ที่แทบไม่ต้องใช้เงินซักบาท จงปรับให้เป็นเชิงรุกด้วยการเป็นฝ่ายเชิญลูกค้าประจำหรือลูกค้าผู้มีเกียรติให้ได้สิทธิร่วมงานสัมมนาออนไลน์กับเราก่อนเป็นอันดับแรก
7. ลง Ads บนโซเชี่ยล เว็ปไซต์ หรือป้ายข้างทาง
แนวรุกสุดๆ คือการจ่ายตังให้กูเกิ้ลเอาเว็ปไซต์ของคุณติดหน้าแรกเวลาที่ลูกค้าใช้คำค้นเกี่ยวกับสิ่งที่คุณขาย หรือเอาไปลงในลิ้งก์อิน เฟซบุ้ค ก็ได้ และอีกวิธีหนึ่งที่พอใช้ได้ถ้าคุณมั่นใจว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณกว้าง เช่น ขายของเกี่ยวกับโรงงาน ระบบ Security คุณก็ไปขึ้นป้ายข้างทางใหญ่ๆ แถวนิคมอุตสาหกรรม อย่างนี้ก็ไม่เลวเพราะได้เป็นที่รู้จักแถมยังตรงกลุ่มเป้าหมาย
8. Partnership Marketing
คือการหาคู่ค้าหรือพาร์ทเนอร์ที่อยู่ในวงการเดียวกันมาจัดการตลาดร่วมกัน เช่น งานกอล์ฟการกุศลที่ลงขันแบบไม่ต้องจ่ายเอง 100% และเชิญลูกค้าผู้มีเกียรติมาตีกอล์ฟ หรือจัดงานอีเวนต์และหาสปอนเซอร์มาลงโดยได้สิทธิ์ในการบริหารลูกค้า เป้นต้น
9. Referral Program
เป็นโปรแกรมผลักดันให้ลูกค้าเกิดการบอกต่อแบบพวกเขาก็ได้ผลประโยชน์ด้วย ไม่มีอะไรได้มาฟรี ดังนั้นคุณจึงจัดผลประโยชน์ง่ายๆ เช่น มีค่าแนะนำ ค่าตอบแทน ค่า Incentive ฯลฯ ให้กับลูกค้าผู้มีเกียรติในการไปบอกต่อว่าคุณดีอย่างไร
Comments
0 comments