เป็นนักขายระดับเทพ ค่าตัวแพง ด้วยวิธีนี้
บทความเกี่ยวกับนักขายแบบมืออาชีพนั้นมีมากมายบทโลกอินเทอร์เน็ตครับ บทความของผมเองก็เช่นกัน (ฮา) ซึ่งตอนนี้ก็มีราวๆ 1 พันกว่าบทความแล้วครับ ทุกบทความที่เขียนนั้นต้องบอกเลยว่ากลั่นกรองจากสมองและผมเองเป็นของจริงแน่นอน เพราะทุกอย่างที่ทำให้กลายเป็นระดับเทพ ค่าตัวแพงนั้น
“ผมเป็นคนลงมือทำด้วยตนเองทั้งหมด” นั่นเองครับ ซึ่งนักขายระดับเทพที่ว่านั้น บอกเลยว่าคุณเองก็ทำได้ ถ้าคุณได้ลงมือทำตามที่ผมเขียนให้อ่านทั้งหมดนะครับ รับรองว่าวันนั้นจะเป็นวันของคุณแน่นอน วันที่มีค่าตัวแพง เจ้านายรัก หรือใครๆ ก็ต้องการตัว
และนี่คือวิธีพัฒนาตัวเองให้กลายเป็นเซลร้อยล้าน พันล้าน จากผมกันเลยครับ
1. ต้องสร้างลีดหรือโอกาสในการขายจาก 0 ด้วยตนเองให้ได้
บอกเลยครับว่ามีน้อยรายมากที่จะสามารถทำอะไรด้วยตนเองจาก 0 โดยไม่พึ่งพาคนอื่นได้ ไม่ว่าจะอยู่ในภาคธุรกิจทั้ง B2C หรือ B2B ก็ตาม เพราะส่วนใหญ่ B2C จะพึ่งพา “การตลาด” ในการดึงลูกค้าเข้าหาตัว ส่วน B2B จะเน้นการดูแลลูกค้าปัจจุบันเป็นหลัก หรือไม่ก็ใช้คอนเนคชั่นจากที่เก่ามาขายใหม่
ดังนั้นคุณต้องฝึกฝนทักษะนี้ให้ได้ ถึงแม้จะรู้สึกอับอายหรือกลัวโดนปฎิเสธแค่ไหนก็ตาม จงกล้าเดินออกจาก Comfort Zone และแสวงหาวิธีที่นักขายส่วนน้อยมักจะไม่ทำกัน บอกเลยนะครับว่าทักษะนี้กับนักขายหลายๆ คนนี่เทียบชั้นไม่ได้กับนักขายที่ต้องหาลีดใหม่ๆ ด้วยตนเอง เช่น ขายประกัน ขายตรง ฯลฯ
การสร้างลีดด้วยตนเองมีหลายวิธีและต้องอาศัยความอดทนกับวินัย ตัวอย่างที่คุณต้องฝึกฝน เช่น
– การโทร Cold-Calling เข้าโอเปอเรเตอร์หรือสุ่มโทรวันละมากกว่า 20 สาย
– การหาลีดตามตำแหน่งและบริษัทด้วย LinkedIn รวมถึงการแชตหาลูกค้า
– การเป็นเพื่อนกับคนแปลกหน้าบนเฟซบุ้คหรือหาลีดจากสังคมออนไลน์ราวกับฉลามได้กลิ่นคาวเลือด
– การกล้าที่จะให้ลูกค้าปัจจุบันแนะนำลูกค้าใหม่หรือเริ่มหาโอกาสทางธุรกิจจากคนที่รู้จัก มีผลประโยชน์
– การเข้าร่วมงานสัมมนาหรือเป็นผู้จัดสัมมนาเกี่ยวกับธุรกิจแล้วเชิญแขกกับผู้เกี่ยวข้องเข้างาน
– การเป็นเซลแบบ “Knock-Door” เคาะประตูบ้าน ยืนหน้าออฟฟิศลูกค้า แล้วบุกเข้าไปแบบไม่รู้จัก
– การเข้าเรียนคอร์สระยะสั้นหรือปริญญาโทที่หาคอนเนคชั่นได้โดยที่ไม่รู้จักกันมาก่อน
เรื่องพวกนี้คุณจำเป็นต้องลองมือทำให้ได้ด้วยตนเองครับ บอกเลยว่าทำได้ทุกคน ไม่เหนือบ่ากว่าแรงหรอกครับ
2. ต้องมีวินัยและมีกฎของตัวเอง ปฎิบัติอย่างเคร่งครัด
“วินัย” ผมให้ค่ามากกว่าคนที่พูดเก่ง กะล่อน หรือชอบโน้มน้าวผู้อื่นด้วยวาจา (แต่การกระทำไม่ได้เรื่อง) อีกครับ คำคำนี้ทรงพลังและลงมือทำได้ทันที มันทำให้คุณไม่ขี้เกียจ มีความพยายามและมีกติกาให้กับตัวเอง เอาเป็นว่าคุณจะรู้สึกหงุดหงิดเลยที่ทำตามตารางวินัยส่วนตัวของคุณไม่ได้ อารมณ์เดียวกับเข้าฟิตเนสอย่างสม่ำเสมอแล้วดันติดธุระ ไม่ได้เข้ายิมนั่นแหละครับ วินัยดีๆ ของนักขายมีดังนี้
– สร้างการนัดหมายทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่อย่างสม่ำเสมอทุกวัน วันละ 3-4 นัด อย่างแย่ 2 นัด
– ต้องมีกติกาหลังจากการเข้าพบลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าใหม่ที่จะสร้างใบเสนอราคาให้ได้ทุกเจ้า (ถ้าเป็นไปได้)
– ส่งอีเมลสรุปงานทุกครั้งหรือเขียนลายลักษณ์อักษรผ่านไลน์ก็ยังดีหลังเข้าพบลูกค้า พร้อมกับ Next Step
– ส่งงานหรือติดต่อลูกค้าตามที่รับปากและต้องทำให้ได้ อย่างแย่ที่สุดคือถ้าทำไม่ได้ต้องรีบแจ้งและบอกให้ได้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่
– “ตรงเวลา” ทุกครั้งเวลาเข้าประชุม อย่าสายเด็ดขาด
– ทำงานให้ไวและละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเฉพาะกับลูกค้า
3. ต้องทำงานให้เนื้องานมีความเนี้ยบ
เนื้องาน มันเป็นสิ่งที่บ่งบอกการกระทำ ซึ่งถ้าคุณไม่ได้รับการสั่งสอนด้วยมือโปรมาตั้งแต่เริ่มงาน หรือคิดเองไม่ได้ ไม่ก็ทำตามนักขายระดับเดียวกันกับคุณ เนื้องานของคุณมันก็เลยงั้นๆ ถ้าอยู่องค์กรดีๆ ที่อบรมการทำงานให้ละเอียดก็โชคดีไป เช่น สตาร์บั้คส์ ที่มาตรฐานพนักงานจะดีเหมือนๆ กัน แต่ร้านกาแฟทั่วๆ ไป ถ้าเจ้าของไม่มาดูร้านเองแล้วไม่ได้อบรมลูกน้อง บางทีก็ชักสีหน้า ปากไม่ดี ทำงานไม่ใส่ใจ
ถ้าไม่มีใครสอนก็ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะบอกคุณดังนี้ และนี่คือการสร้างมาตรฐานให้เนื้องานของตนเองมีความละเอียด ดังนี้
– อีเมล จะต้องใช้ฟอนต์ที่สบายตา ให้ข้อมูลเนื้อๆ ขนาดกำลังดี จัดช่องไฟด้วยการเว้นวรรค สร้างย่อหน้า พารากราฟให้เรียบร้อย (ถ้าไม่รู้ก็เอาวิชาเขียนจดหมายกับเขียนเรียงความภาษาไทยตอนเด็กๆ มาใช้ครับ)
– ตรวจทานใบเสนอราคาให้เรียบร้อยก่อนส่งหาลูกค้าเสมอ ความผิดพลาดต้องเป็น 0
– ระบุรายละเอียดในสัญญาหรือข้อเสนออย่างครบถ้วน ไม่กำกวม หมกเม็ด และมีความโปร่งใส
– บอกลูกค้าเกี่ยวกับเรื่องต้องห้าม ข้อควรระวัง ขีดจำกัด ข้อเสีย ฯลฯ ของสินค้าและบริการก่อนขายเสมอ
– เวลาใช้สไลด์นำเสนอลูกค้า จะเนี้ยบยิ่งขึ้นถ้ามีการเพิ่มโลโก้ลูกค้า รูป ข้อมูลของลูกค้า หรือนำลูกค้ามาทำ Before and After โดยเฉพาะการขายงานโปรเจค โซลูชั่นต่างๆ เป็นข้อมูลในการนำเสนอ
– มีรายงานการขายหรือ CRM ที่ดีเพื่อช่วยในการติดตามงานอย่างมีประสิทธิภาพ กันการลืม
และยังมีวิธีอื่นๆ อีกมากมาย
4. ต้องใช้รายงานการขายหรือระบบ CRM อย่างมีประสิทธิภาพ
เชื่อหรือไม่ว่านักขายองค์กรใหญ่ที่มีระบบ CRM อย่างครบครัน ทุกวันนี่ก็ยังไม่ใส่ใจหรืออัพเดทข้อมูลลงบน CRM แบบมั่วๆ อยู่เลยครับ บางแห่งนอกจากบริษัทจะเล็กมาก รายงานการขายไม่ต้องพูดถึง ต่างคนต่างทำงานแบบตามมีตามเกิด ระยะยาวไม่ได้เรื่องแน่นอน
ดังนั้นการจะเป็นนักขายขั้นเทพ เจ้านายรัก ทำงานแบบมือโปร ขอบอกเลยว่ารายงานการขายนี่แหละคือทุกสิ่งทุกอย่างที่บ่งบอกตัวคุณ แถมยังเอาไปใช้สมัครงานได้ด้วย คนที่เก่งเรื่องนี้จะมีแต่ใครๆ ที่ต้องการตัว คุณจึงต้องอัพเดทสถานะการขายอย่างครบถ้วน รายละเอียดการติดตามงาน ชื่อลูกค้า เบอร์ อีเมล ไปป์ไลน์แต่ละงาน ฯลฯ
ไปป์ไลน์คือภาษาของนักขาย หมายถึงดีลที่สร้างกับลูกค้าและมีโอกาสปิดได้ ใบเสนอราคาออกแล้ว สำคัญไปกว่านั้นคือการทำ “Sales Forecast” อย่างแม่นยำเกินกว่า 80% ที่คุณจะช่วยให้เจ้านายและองค์กรคาดการณ์ตัวเลขในแต่ละเดือน ไตรมาส หรือแต่ละปีได้ เจ้านายกับผู้บริหารต้องการสิ่งนี้อย่างยิ่งยวด
สำคัญที่สุดคือเจ้านายจะรู้ว่าคุณทำอะไรอยู่ ดีลไหนคุณสร้างเองหรือนายเป็นคนให้ดูแล รายชื่อลูกค้าและตำแหน่งที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทุกอย่างนี้คือสมบัติอันล้ำค้าขององค์กรและตัวคุณเลยครับ เรียกได้ว่าหอบออกไปเปิดบริษัทเองยังได้เลย
5. ต้องมีความทะเยอทะยาน อยากรวย เป็นคนที่ยิ่งใหญ่
สุดท้ายนี้ขอฝากความทะเยอทะยานและไมนด์เซ็ตแห่งความเป็นเลิศ จงน้อมรับมันและบอกเลยว่าความสำเร็จด้านงานขายมันมีความหอมหวานเป็นอย่างมาก ความคิดไม่ใหญ่พอก็อย่าหวังเลยว่าจะเป็นเซลขั้นเทพได้ เซลระดับทั่วๆ ไปจะคิดแค่มีค่าคอมฯ ไปวันๆ มีเงินเดือนคอยเลี้ยงตัวเอง เป็นหมาล่าเนื้อที่ไม่กล้าเลื่อนขั้นเป็นใหญ่เป็นโตระดับผู้จัดการ ผู้บริหาร
จงใช้พลังนี้ในการขับดันตัวเองไปสู่ความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงิน การงาน หรือทะยานไปถึงการเป็นเจ้าของบริษัทให้ได้นะครับ ผู้ยิ่งใหญ่ในประเทศเราแทบทุกคนก็เริ่มต้นจากการเป็นนักขายนี่แหละครับ
Comments
0 comments