เปิดการขายที่ประเทศลาว..ประสบการณ์ท้าทายที่อยากให้คุณรู้
“สะบายดีเจ้า ทุกคน”
พบกับประสบการณ์ที่ถ่ายทอดเป็นครั้งแรกของเซลล์ร้อยล้าน ที่ได้เข้าไปทำธุรกิจในประเทศลาว ประเทศที่เรียกได้ว่าเป็น “พี่น้อง” กับพี่ไทยของเรา (ซึ่งไม่รู้ว่าคนลาวเขามองประเทศไทยว่าเป็นพี่ของพวกเขารึปล่าว)
ประเทศลาวเป็นประเทศล่าสุดที่ผมได้เข้าไปทำธุรกิจกับบริษัทขนาดใหญ่ในนั้น โดยได้รับความร่วมมือจากพาร์ทเนอร์บริษัทสัญชาติไทยและสามารถทำนัดได้เองกับบุคคลระดับใหญ่โตด้วย “Linkedin.com” ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ผมขาดมันไม่ได้เลย
ประตูชัยที่ประเทศลาว
สำหรับการทำธุรกิจข้ามชาติ ผมเชื่อว่าเจ้าลิ้งก์อินสามารถทำให้คุณทำธุรกิจแบบ B2B ซึ่งไม่ว่าลูกค้าจะอยู่มุมใดของโลก คุณก็สามารถติดต่อ พูดคุย และเริ่มทำการนัดหมายได้ทันที เหมือนการขายในประเทศไทยครับ
ตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในประเทศลาว ต้องบอกว่าผมได้รับประสบการณ์ที่ดีมาก แถมยังมีโอกาสปิดการขายกับลูกค้ารายใหญ่ระดับประเทศได้อีกด้วย ลองมาฟังประสบการณ์การขายกับผมในครั้งนี้กันครับ
1. ภาษาและการสื่อสารที่น่ารัก ทำให้ผมกลับมานึกถึงสำเนียงบ้านเกิดและพูดกับลูกค้าได้อย่างเป็นกันเองมากขึ้น
ความประทับใจแรกในการมาเยือนที่นี่คือเรื่องภาษา ที่สำคัญคือการพูดจาด้วยภาษาที่ใกล้เคียงกับภาษาเชียงใหม่ ภาษาอีสาน ทำให้ผมระลึกถึงสำเนียงบ้านเกิด (แอดมินเป็นคนเชียงใหม่) และพูดคุยกับลูกค้าด้วย ‘ภาษาเมือง’ ทันที เช่น คำว่า ‘ยู้’ แปลว่า ‘ผลัก’ คำว่า ‘เว้า’ แปลว่า ‘พูด’ คำว่า ‘แม่น’ แปลว่า ‘ใช่’ คำว่า ‘เจ้า’ แปลว่า ‘ครับ’ คำว่า ‘ผู้สาว’ แปลว่า ‘ผู้หญิง’ เป็นต้น
การสื่อสารกับลูกค้าด้วยภาษาท้องถิ่นเหมือนกับพวกเขา ทำให้คุณสามารถ ‘ละลายพฤติกรรม’ (Break the ice) กับลูกค้าได้อย่างง่ายดาย สร้างความคุ้นเคยและเป็นกันเองกับลูกค้าได้มาก ลูกค้าเปิดใจคุยกับคุณมากขึ้น ถ้าคุณเจอลูกค้าที่มีสำเนียงเหนือ ใต้ อีสาน แล้วบังเอิญคุณพูดได้เหมือนกันพวกเขา จงอย่ารีรอที่จะลองสื่อสารด้วยภาษาท้องถิ่นกันดูนะครับ
2. ธุรกิจยักษ์ใหญ่ภายในลาวยังอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลเป็นส่วนใหญ่
ผมอยากให้คุณลองนึกถึงธุรกิจใหญ่ๆ ในลาวกันดูนะครับว่าน่าจะมีบริษัทอะไรกันบ้าง ที่แน่ๆ เลยสำหรับคอเบียร์คือ ‘เบียร์ลาว’ (Beer Lao) หรือเขยลาวที่ขายตามเซเว่นบ้านเรานี่แหละครับ (ฮา) ซึ่งก็ถือว่าถูกต้อง เพราะบริษัท ลาว เบเวอเรจ (Lao Beverage) คือบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในธุรกิจ FMCG (สินค้าอุปโภคบริโภค) ในประเทศลาวแล้ว และนี่คือหนึ่งในลูกค้าที่ผมกำลังได้งานเช่นกัน
องค์กรใหญ่ๆ ที่คุณควรจะนึกถึงถ้าต้องการทำธุรกิจกับคนลาวก็คือ ‘ธุรกิจรัฐวิสาหกิจ’ ซึ่งมีรูปแบบเป็นหน่วยงานต่างๆ เช่น การบินลาว (Lao Airlines) กระทรวง ICT กระทรวงพลังงาน ฯลฯ ซึ่งถ้าสินค้าของคุณเป็นผลิตภัณฑ์แนวๆ IT ก็นับว่าเป็นข่าวดีและเพิ่มโอกาสในการขายให้กับคุณได้มาก เพราะประเทศลาวยังต้องการปัจจัยพื้นฐานด้านคอมพิวเตอร์และสาธารณูปโภคอีกมากมาย
สำหรับคนที่คาดหวังกับบริษัทเอกชน ก็อย่าพึ่งตกใจว่าไม่มีเลย ในประเทศลาวยังมีหลายบริษัทที่ดำเนินงานโดยธุรกิจข้ามชาติ เช่น รถยนต์ฮุนได (Hyundai) รถเกีย (Kia) รถบีเอ็มดับเบิ้ลยู (BMW) ปูนซีเมนต์ไทย (SCG) ปิโตรเวียตนาม (PetroVietnam) และมีบริษัทด้านดิจิทัล เอเจนซี่ (Digital Agency) หลายแห่ง ฯลฯ ถ้ามองเห็นโอกาสแล้วล่ะก็ อย่าลืมพุ่งเข้าใส่กันนะครับ
ศูนย์บีเอ็มที่ลาว
3. เบียร์ลาว สเต๊กลาว ถูกมาก!
เรียกว่าเป็นเครื่องดื่มประจำชาติเลยก็ได้มั้ง (ฮา) เบียร์ลาวคือสินค้าขึ้นชื่อระดับโลก รสชาติดีกว่าเบียร์สิงห์ของไทยเสียอีก (ในความคิดของข้าพเจ้า) ที่สำคัญคือราคาถูกมากๆๆ ประมาณ 20 กว่าบาท ถ้าซื้อที่เซเว่น ราคาจะประมาณ 60 บาททันที (ก่อนขึ้นภาษี) ทำให้ผมได้ละเลียดเบียร์ชั้นเยี่ยม นอกจากนี้ยังมีโฮการ์เด้น (Hoegarden) เบียร์ตัวเทพที่คนไทยชอบในราคาเพียง 80 บาทต่อขวด
เบียร์ลาวต้นตำรับ
อาหารขึ้นชื่อที่อยากให้พวกคุณลิ้มลองคือ ‘สเต๊กลาว’ ซึ่งทำด้วยเนื้อวัวบ้านของลาว รสชาติชุ่มฉ่ำ ละมุนลิ้น พร้อมด้วยเครื่องเคียงชั้นเยี่ยม มีสาขาเดียวที่เปิดเป็นร้านแรกจนเป็นตำนานมากว่า 50 ปี ชื่อว่าร้าน ‘สันติสุก’ อยู่ภายในตัวเมืองเวียงจันทร์ ถ้าใครได้ไป อย่าลืมหาโอกาสไปลิ้มลองกันนะครับ
สเต๊กลาว (รูปเอามาจากอินเทอร์เน็ต แอดมินลืมถ่ายมา T_T)
4. การเดินทางค่อนข้างง่าย ไปพบลูกค้าภายใน 5 นาทีก็ถึง
การจราจรภายในตัวเมืองเวียงจันทร์
สิ่งนี้ทำให้ผมสามารถทำนัดกับลูกค้าได้มากถึง ‘6 นัด’ ภายในวันเดียว ซึ่งถ้าเป็นที่กรุงเทพฯ ต้องบอกเลยว่ายากมากๆ ในกรณีที่บริษัทลูกค้าอยู่คนละแห่งกัน ผมสามารถทำนัดแบบต่อเนื่องตั้งแต่ 9-10-11.00น ไปจนถึง 1-2-3.00น เลยล่ะครับ
ที่นี่ คุณจะพบกับชีวิตที่แตกต่างจากกรุงเทพ คือการเดินทางที่ค่อนข้างสะดวกสบาย ไม่ต้องปวดหัวกับสภาพการจราจรแสนสาหัสเหมือนในกรุงเทพ นัดลูกค้าจากอีกที่ ไปอีกที่ ใช้เวลาประมาณแค่ 5-10 นาที ถ้าเป็นกรุงเทพต้องขอบอกว่าทำไม่ได้แน่
นี่คือเทคนิคที่ทำให้คุณทำนัดได้หลายนัดต่อวัน ทำให้ประสิทธิภาพและกิจกรรมทางการขายของคุณเพิ่มขึ้นเหนือคู่แข่งมากเป็นเท่าตัว นั่นคือการวางแผนการทำนัดลูกค้าให้อยู่ในอาณาเขตที่ใกล้ๆ กัน เพื่อลดเวลาการเดินทาง นำเสนอโดยใช้เวลาให้คุ้มค่า เพียงเท่านี้คุณก็เก่งขึ้นและเหนือกว่าคู่แข่งแล้วครับ
5. ลูกค้ายกหูกริ๊กเดียว สั่งได้!
การขายที่นี่มีวัฒนธรรมที่คล้ายๆ กับคนไทย นั่นคือการพึ่งพาคอนเน็กชั่นหรือ ‘ผู้ใหญ่’ ที่สามารถส่งคุณไปพบกับคนที่มีอำนาจตัวจริงได้ ผมได้มีโอกาสเข้าพบลูกค้าระดับรัฐมนตรีฯ ซึ่งผมไม่ลังเลที่จะขอโอกาสจากท่านในการเข้าพบลูกค้าอีกแห่งหนึ่งที่สินค้าของผมสามารถทำประโยชน์ให้กับพวกเขาได้
สิ่งที่ผมได้คือความเป็นกันเอง ท่านรัฐมนตรีได้แนะนำชื่อของบุคคลที่ผมต้องเข้าพบ ท่านได้ทำมากกว่านั้นคือการ ‘ยกหูโทรศัพท์’ ทำนัดให้ผมกับผู้บริหารระดับสูงรายนั้น กลายเป็นว่าได้เข้าไปขายโครงการกับลูกค้าในวันรุ่งขึ้นทันที ต้องขอขอบคุณท่านมากๆ ที่ช่วยให้ผมได้เพิ่มโอกาสในการขายมากขึ้น
ผมจะบอกคุณว่า ‘ไม่ผิด’ ที่จะขอโอกาสจากลูกค้าให้ช่วยแนะนำคุณในการเข้าพบลูกค้าอีกท่าน ถ้าคุณมีมารยาทที่ดี ไม่สุภาพเกินเหตุ ขออย่างตรงไปตรงมา สิ่งเหล่านี้จะทำให้งานของคุณคืบหน้ามากขึ้น นี่คือสุดยอดเทคนิคที่ทำให้คุณมีเครดิตเต็มที่และได้รับนัดกับคนใหญ่คนโตมากที่สุดครับ เผลอๆ เวิร์กกว่าการไปกินเหล้ากับลูกค้าอีก
6. การทำงานของคนลาวในองค์กรมีความเป็นมืออาชีพสูง
ไม่ต่างกับประเทศไหนๆ บนโลกนี้ครับ คนทำงานแทบทุกที่ย่อมมีความเป็นมืออาชีพอยู่ในตัวอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับสัญชาติ การศึกษา อายุ ศาสนา ฯลฯ แต่อย่างใด ธุรกิจก็คือธุรกิจ งานก็คืองานครับ สิ่งที่พวกเขาต้องการก็คือสินค้าที่ตอบโจทย์ มีบริการดูแลหลังขายตามที่รับปาก พวกเขาสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีกว่าคนไทยเสียอีก
จงอย่าคิดว่าคุณสูงส่งมาจากไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าลูกค้าไม่ว่าจะเป็นระดับใด คุณควรรักษาระดับความเป็นมืออาชีพให้ดีอยู่เสมอ ปฎิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียม
7. โปรดระวังเรื่องการดูถูกเชื้อชาติและควรศึกษาประวัติศาสตร์ระหว่างไทยกับลาวให้ดี
ผมได้คุยกับคนท้องถิ่นและคนไทยที่ทำงานที่ลาวมานาน ต้องขอบอกว่าลึกๆ แล้วพวกเขาไม่ชอบคนไทยเท่าใดนัก เป็นเพราะว่าพวกเราเองนี่แหละที่ไปดูถูกพวกเขาก่อนตามโซเชี่ยลมีเดียหรือหลายๆ เหตุการณ์ในอดีตที่ทำให้มีกรณีพิพาทระดับประเทศมาแล้ว จงปฎิบัติและให้เกียรติพวกเขามากๆ นะครับ ห้ามดูถูกพวกเขาเป็นอันขาด
นอกจากนี้ การไปเรียกพวกเขาว่าเป็นบ้านพี่เมืองน้องกับเรา ประโยคนี้อาจจะเป็นคุณที่คิดไปเองว่าพวกเขาเป็นน้องคุณ ทั้งๆ ที่จริงๆ นั้นไม่ใช่เลย ประวัติศาสตร์ในอดีตมีกรณีพิพาทที่ผมแนะนำให้คุณลองไปศึกษาดูเอาเองนะครับ จงนับถือพวกเขาในระดับประเทศ ไม่ใช่ระดับพี่น้องแบบที่พวกคุณคิดไปเองครับ
ผมภูมิใจที่ได้เข้าไปทำธุรกิจในประเทศลาวครับ เพราะผมมั่นใจว่าสิ่งที่ผมทำสามารถช่วยให้ธุรกิจของลูกค้าหลายรายมีการเติบโตที่ดีขึ้น พัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของพวกเขาให้มากขึ้น ผมคงได้มีโอกาสกลับมาเยี่ยมเยียนที่นี่อีกแน่นอน
Comments
0 comments