วิธีใช้ Eisenhower Matrix เพื่อให้การขายของคุณยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น

Eisenhower Model ถูกคิดค้นมาจากอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดไวด์ ดี. ไอเซนฮาวร์ ซึ่งแกบริหารอเมริกาได้อย่างเฉียบคมมากช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นโมเดลการทำงานและใช้ชีวิตที่ทำให้คุณวางตารางการทำงานได้อย่างแยบยล มีประสิทธิภาพสูง ที่สำคัญคือเอาไปสอนในคลาสเรียน MBA ระดับโลกเยอะมาก ลองเอามาใช้กับการขายของคุณแล้วรับรองว่าจะทำงานน้อยลง แต่มีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ

1. ทำความเข้าใจกับโมเดลทั้ง 4 รูปแบบ

– รูปแบบที่ 1: งานด่วนและสำคัญมาก – คืองานที่ต้องรีบทำ รีบตัดสินใจ ช้าไม่ได้ ไม่ทำแล้วกระทบกับการขายของคุณอย่างใหญ่หลวง

– รูปแบบที่ 2: งานไม่ด่วนแต่สำคัญ – คืองานมีความสำคัญแน่ๆ ไม่ทำก็ไม่ได้ แต่ไม่ถึงกับด่วนที่ต้องทำเดี๋ยวนี้ ภายในวันนี้ พูดง่ายๆ คือวางแผนได้ว่าจะทำวันไหน ไม่ต้องรีบ

– รูปแบบที่ 3: งานด่วนแต่ไม่สำคัญ – คืองานที่ทำไปก็ไม่ได้ช่วยให้คุณขายดีขึ้นเท่าไหร่ แต่ก็เป็นเรื่องด่วน ไม่ทำก็ไม่ได้ งานประเภทนี้จะดีมากถ้ามีคนมาทำแทนหรือมอบหมายให้ลูกน้องทำ เช่น งานวางบิล

– รูปแบบที่ 4: งานไม่ด่วนและไม่สำคัญ – คืองานที่ทำไปก็เสียเวลาแถมไม่ต้องรีบ ควรลดเวลาการทำงานประเภทนี้ เช่น งานที่ต้องไปช่วยแผนกอื่น งานที่เพื่อนวานให้ทำ เจ้านายใช้ไปซื้อกาแฟ เป็นต้น

2. จัดกิจกรรมงานขาย ตามรูปแบบ

– รูปแบบที่ 1: งานด่วนและสำคัญมาก – ส่วนใหญ่จะเป็นงานที่เกี่ยวกับดีลและลูกค้า เช่น ดีลด่วนต้องปิดเดี๋ยวนี้ หรือลูกค้าร้องขอสิ่งต่างๆ แม้แต่การถามราคา สอบถามข้อมูล คุณต้องตอบให้เร็วที่สุด หรือแม้กระทั่งเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นหลังใช้สินค้า เรื่องพวกนี้ต้องรีบเคลียร์ให้เร็วที่สุด เป็นต้น

– รูปแบบที่ 2: งานไม่ด่วนแต่สำคัญ – คืองานขายที่เน้นผลลัพธ์ในระยะยาว เป็นงานที่เกี่ยวกับลูกค้า เช่น วางแผนการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าแบบสม่ำเสมอ เข้าพบทุกเดือน หรือสิ่งที่เกี่ยวกับงานขาย เช่น วางแผนกลยุทธการขายใหม่สำหรับไตรมาสหน้า เรียนรู้ทักษะการขายภายใน 3 เดือน เป็นต้น

– รูปแบบที่ 3: งานด่วนแต่ไม่สำคัญ – สำหรับงานขายส่วนใหญ่มักเป็นงานแอดมิน งานเอกสาร คือมันด่วนก็จริงแต่ก็ไม่ได้สำคัญกับชีวิตคุณมาก เช่น มีตติ้งกับทีมอื่นที่ไม่ค่อยเกี่ยวกับคุณ งานวางบิล งานเก็บเช็ค โดยเฉพาะงานเก็บเช็คสามารถใช้ Messenger ไปทำงานแทนคุณก็จะเร็วกว่า ด่วนแหละแต่เสียเวลา

– รูปแบบที่ 4: งานไม่ด่วนและไม่สำคัญ – ชัดๆ เลยก็พวกกิจกรรมไร้สาระบั่นทอนเวลางาน เช่น นั่งเล่นโซเชี่ยลในเวลางาน โทรเม้ากับเพื่อน แอบไปสูบบุหรี่และก็ใช้เวลางาน เป็นต้น คิดง่ายๆ ว่าเวลาอู้งานอย่างการสูบบุหรี่ สูบทั้งวันบางทีกินเวลางานไป 1 ชั่วโมงแล้วครับ แทนที่จะโทรติดต่อลูกค้า

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts