จุดตาย ของคนที่พูดเก่ง
การพูดเก่งมักมาคู่กับ “จุดแข็ง” ของคนที่ทำอาชีพนักขายหรือนักธุรกิจ หรือพวกวิทยากร ไลฟ์โค้ช ยูทูปเบอร์ อะไรทำนองนั้น ซึ่งจะว่าไปก็ “จริงครับ” (ฮา) ซึ่งก็ถูกแล้วนี่ครับว่าการพูดเก่งเป็นจุดแข็งของทุกอาชีพหรือทุกคนเลย ไม่ใช่คิดจะพูดเก่งแล้วจะเก่งเลยนะครับ ของอย่างนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ การฝึกฝน และยังต้องพึ่งพาความชอบพูดตั้งแต่เกิดเลยด้วยซ้ำ
แต่ก็ไม่ใช่ทุกอย่างบนโลกนี้ที่ต้องพูดเก่งแล้วจะได้ดีครับ เพราะงานบางอย่างไม่จำเป็นต้องพูดมากหรือไม่พูดอะไรเลยแล้วไปเน้นใช้สมองกับฝีมือในการทำงานจะดีกว่าปาก (ฮา) เช่น ช่างฝีมือ โปรแกรมเมอร์ นักบัญชี นักการเงิน ฯลฯ แม้กระทั่ง CEO บริษัทหลายๆ คนก็ไม่จำเป็นต้องพูดมากออกหน้าสื่อก็ประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน เห็นมั้ยครับว่ามันอาจจะไม่ใช่จุดแข็งสำหรับทุกคนขนาดนั้น
ที่สำคัญคือมันมี “จุดตาย” ด้วยซ้ำไปสำหรับคนที่พูดเก่งและคุณอาจไม่เคยรู้ ดังนี้เลย
1. มักก่อความผิดพลาดในการพูดอะไรไม่เข้าหูคู่สนทนาจนขาดความน่าเชื่อถือ
ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว คนพูดเก่งหรือพูดมากมักมีทักษะในการหาเรื่องสนทนาหรือถามคำถามไปเรื่อยๆ เพื่อสร้างความต่อเนื่องในการพูดคุย จึงทำให้การหาเรื่องคุยมักเป็นเรื่องทั่วๆไป หรือรีบหาเรื่องเข้าไปเนียนการสนทนา จุดผิดพลาดที่คนพูดเก่งไม่รู้ตัว เช่น
– รู้ไม่จริงในเรื่องที่พูด แต่ก็พยายามพูดว่ารู้
– พูดมากโดยเฉพาะเรื่องตัวเองเกินความจำเป็นจนคนฟังรู้สึกรำคาญ (แต่เขาไม่บอกคุณหรอก)
– ทักหรือชมอะไรเกี่ยวกับคู่สนทนาโดยคาดหวังว่าเขาจะรู้สึกดี แต่จริงๆ ดูเฟค ไม่จริงใจ
– ชอบหาเรื่องชวนคุย ทั้งๆ ที่มันไม่มีความจำเป็น
– ฯลฯ
2. คนพูดเก่งมักมีโอกาสเป็นนักต้มตุ๋น
อย่าพึ่งด่าผมนะครับถ้าคุณเป็นคนที่พูดเก่ง คนพูดไม่เก่งก็เป็นคนขี้โกงได้เหมือนกัน แต่คนที่หลอกลวงหรือทำพวกไลฟ์โค้ชแบบแชร์ลูกโซ่ส่วนใหญ่พูดเก่งมาก โดยเฉพาะเวลาชักชวนคนอื่นมาทำธุรกิจด้วย ถูกมั้ยล่ะครับ เค้าไม่มีทางเอาคนพูดไม่เก่งมาหว่านล้อมคุณแน่นอน
คืองี้ครับ ผมอยากให้คุณถามตัวเองเพราะถ้าคุณไม่ใช่คนขี้โกง คุณข้ามบทความนี้ไปได้เลย แต่ถ้าคุณยังคิดว่ามีประโยชน์จากการอ่านบทความนี้ คุณจะได้ภูมิคุ้มกันคนขี้โกงต่างหาก โดยเฉพาะคนพูดเก่งที่ “เอาแต่พูดถึงแต่ข้อดีของธุรกิจ สินค้า หรือบริการ” มากเกินความจำเป็น
ไม่พูดข้อเสียหรือพูดไม่หมด คนพวกนี้เขาพูดเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองอย่างเดียวครับ บอกได้เลย ด้วยทักษะการพูดที่เก่งอยู่แล้วจึงทำให้หว่านล้อมคนอื่นได้ง่าย สุดท้ายคนก็หลงเชื่อ ยิ่งถ้ามีอะไรบางอย่างที่ทำให้เชื่อได้ เช่น วัตถุ เงินทอง ภาพลักษณ์ ฯลฯ คนกลุ่มนี้จะหลอกคนอื่นได้ง่ายเป็นพิเศษ
3. มักมีแนวโน้มว่าจะเป็นคนขี้โม้
สาเหตุก็คือการสนทนาบางอย่างทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัวเกี่ยวกับหัวข้อที่เป็นเรื่องของตัวเอง ธุรกิจ สินค้า หรือบริการของตนเอง คนที่พูดเก่งจะสามารถหาเรื่องพูดได้เรื่อยๆ แต่จุดตายมันก็อยู่ตรงโจทย์การพูดนี่แหละครับที่เป็นเรื่องของตัวเอง พอหาประเด็นได้มากๆ ก็เลยพูดได้เรื่อยๆ คนฟังเขาไม่คิดอย่างงั้นไงครับ พูดไปเรื่อยๆ มันเลยเสี่ยงมากที่คนอื่นจะมองว่าขี้โม้ เก็ตมั้ยครับ
4. พูดเก่งมากก็เปิดเผยข้อมูลบางอย่างมาก ไปจนถึงความลับ
“ความลับไม่มีในโลก” มักเป็นเรื่องจริง และจะจริงแบบไอ่แบ้งรู้ โลกรู้ ถ้ามันดันตกอยู่กับคนที่พูดเก่งแล้วต้องรับภาระหรือพยายามรักษาความลับโดยเฉพาะเรื่องของคนใกล้ตัว คนพูดเก่งมักมีความเชื่อแปลกๆ นั่นคือการบอกความลับของตัวเองหรือความลับของผู้อื่นให้กับคนที่พวกเขาไว้วางใจหรือยังไม่สนิทมากแต่อยากสร้างความสัมพันธ์เพิ่มขึ้น โดยที่หารู้ไม่ว่ามันไม่ใช่สิ่งจำเป็นเลย อาจถูกมองว่าเป้นคนรักษาความลับไม่อยู่ ไม่น่าไว้วางใจ ภาพลักษณ์ก็เสียไปตามระเบียบ
5. มักบงการคู่สนทนาด้วยความคิดของตนเอง
ถ้าพูดเก่งและมีความเชื่อมั่นในตนเองสูง มีอีโก้ สองสิ่งนี้ยิ่งทำให้การพูดเก่งของคุณยิ่งไปได้อีกไกล แถมยังสามารถนำการสนทนา พูดหน้าเวทีต่อคนเป็นร้อยเป็นพันได้เลย คุณไปเป็นนักการเมืองได้เลยนะครับ (ฮา) แต่มันเวิร์กแค่การพูดต่อหน้าสาธารณะชนแค่นั้นเลย ประเด็นคือถ้าคุณยึดติดกับทักษะแบบนี้ในการพูดกับคนต่อหน้า เอาแค่กับแฟนคุณก็ได้ คุณมักจะเริ่มเกิดอาการคุมการสนทนาและสอดแทรกความคิดอันล้ำเลิศให้ผู้อื่นมากเกินไป สุดท้ายก็ทำให้คนอื่นไม่ได้พูด พูดอะไรคุณก็ไม่อยากฟัง อยากแทรกตลอด ถามว่าคนแบบนี้จะไปรอดไหมในการรักษาความสัมพันธ์หรือทำธุรกิจล่ะครับ
Comments
0 comments