นิสัยแย่ๆ ที่นักขายทุกคนควรหลีกเลี่ยง

บทความนี้ผมเชื่อว่าทุกคนนั้นคงทราบดีอยู่แล้วว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ แต่ผมก็ขอเขียนบทความเกี่ยวกับนิสัยแย่ๆ ที่นักขายทุกคนควรหลีกเลี่ยง อย่างน้อยก็เพื่อเตือนสติตัวเองว่าเราทำสิ่งนั้นไปแล้ว “แบบไม่รู้ตัว” หรือเปล่า มาดูกันครับว่านิสัยอะไรที่คุณไม่ควรเลยในฐานะนักขายหรือการใช้ชีวิต

1. กลยุทธการขายแบบฮาร์ดเซลล์

นึกไม่ออกก็คงเหมือนกลยุทธ “ขอทานตามห้าง” (ไม่ได้บลัฟนะครับ เขาเรียกมาแบบนี้) ซึ่งต้องใช้ความฮาร์ดคอร์ในการหว่านล้อมหรือจูงใจจนสร้างความรู้สึกอึดอัดแก่ลูกค้าเป็นอย่างมาก ตัวอย่างเช่น ธุรกิจบริจาคเงิน ธุรกิจเสริมความงาม ธุรกิจขายตรง ฯลฯ เอาตรงๆ เลยถึงมันจะเวิร์กแต่ระยะยาวนั้นมีแต่เสียงสาบส่งและสุดท้ายลูกค้าก็หายหัว

2. ไม่จริงใจ หมกเม็ด

ส่วนใหญ่มักมาจากการกลัวที่จะปิดการขายไม่ได้ หรือโดนลูกค้าบลัฟด้วยคู่แข่ง จึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อปกปิดข้อมูลบางอย่าง เช่น คุณสมบติ งานบริการหลังขาย สัญญาต่างๆ หรือบอกก็บอกไม่หมด ลูกค้ามารู้ที่หลังก็คงไม่ต้องบอกนะครับว่าเค้าไม่เอาคุณแน่นอน เผลอๆ ด่าคุณยับในโซเชี่ยลอีก เสียชื่อ เสียลูกค้า

3. ขายในสิ่งที่ลูกค้าไม่ต้องการ

พูดง่ายๆ ก็คือยัดเยียดขายทั้งๆ ที่ไม่ได้ตรงตามความต้องการของลูกค้าขนาดนั้น ถึงแม้ว่าของจะดีแค่ไหน สุดท้ายลูกค้าก็กระอั่กกระอ่วนใจไม่อยากซื้อ เกลียดขี้หน้าคุณอีกต่างหาก ตัวอย่างง่ายๆ เช่นการขายไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดกับคนที่พอใจกับมือถือแอนดรอยด์โดยพูดแต่เรื่องข้อดีเพียงอย่างเดียว ไม่ฟังลูกค้า

4. ไม่ฟังลูกค้า

ส่วนใหญ่มักมาจากการเพิกเฉยความกังวล ข้อโต้แย้ง คำถามหรือปัญหาของลูกค้าในช่วงก่อนขายและหลังขาย พูดตรงๆ เลยคือพวกเขาจะรู้สึกขาดความเคารพและคุณไม่เข้าใจพวกเขาจริงๆ

5. เฉื่อยชา โต้ตอบช้า

ไม่ว่าจะเป็นการรับโทรศัพท์ช้า ติดสายแล้วก็ไม่โทรกลับ ไม่อ่านข้อความไลน์แบบทันที ตอบก็ช้า เอาแค่เพื่อนคุณคุณยังรู้สึกรำคาญเลย แล้วกับลูกค้าจะเหลือเหรือครับ

6. ยัดเยียดการขายเพิ่มมากเกินไป

ขายเพิ่มมีจุดอ่อนอย่างใหญ่หลวงอย่างนึงคือนักขายที่ไม่เข้าใจมักจะยัดเยียดให้ลูกค้าซื้อเพิ่ม เช่น ซื้อจำนวนเพิ่มหรือขายส่วนเสริมสินค้าหลัก ประเด็นคือลูกค้ารู้สึกอึดอัดและบางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องซื้อเพิ่มขนาดนั้น ผลก็คือความรู้สึกดีๆ ตอนซื้อคุณแล้วก็กลับแย่ลง

7. ดูแลลูกค้าแบบขายเสร็จแล้วก็หายหัว

มีนักขายมือโปรจำนวนมากที่ทำงานแบบนั้นแบบไม่รู้ตัว ขายเสร็จแล้วก็หายเลย ไม่ติดตามผลหรือรักษาความสัมพันธ์ ผลก็คือได้แค่การค้าขายระยะสั้นแต่ไม่สามารถมัดใจลูกค้าให้ซื้อซ้ำในระยะยาวได้

8. ไม่กล้าปฎิเสธลูกค้า

แค่พูดคำว่า “ไม่” มันจะตายไหม โดยเฉพาะเรื่องที่คุณทำไม่ได้จริง นักขายหลายคนกลัวว่าจะขายไม่ได้ เช่น คุณสมบัติบางอย่างไม่เหนือกว่าคู่แข่งแต่ก็ไม่กล้าพูดว่าตนเองนั้นด้อยกว่า ทั้งๆ ที่ปัจจัยนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องว่าคุณจะแพ้ ผลก็คือต้องหมกเม็ดหรือรับปากลูกค้าทั้งๆ ที่ทำไม่ได้ ตกม้าตายตอนจบอีก

9. ทัศนคติแบบลบๆ

นักขายที่คิดลบกับทุกเรื่อง โทษทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวแบบไม่โทษตัวเอง เช่น โทษธุรกิจ โทษสินค้าที่ขาย โทษคู่แข่ง แม้กระทั่งโทษลูกค้าว่าเรื่องมาก ส่วนใหญ่มักไปไม่รอดและไม่ประสบความสำเร็จในการขายครับ

10. ชอบพูดแทรกลูกค้า

น่ารำคาญแบบสุดๆ สำหรับคนที่ชอบแทรก ลูกค้ายังพูดไม่จบก็คันปากอยากพูดเสริมแล้ว พูดตรงๆ มันเสียมารยาทและทำให้บรรยากาศเป็นลบทันที

11. ไม่เข้าใจภาษากายของลูกค้า

โดยเฉพาะตอนที่พวกเขารู้สึกไม่สบายใจ กังวล หรือแม้กระทั่งไม่สนใจ คุณก็เลยตะบี้ตะบันขายของจนพวกเขารู้สึกอึดอัด แทนที่จะหยุดหรือสอบถามว่าพวกเขาติดอะไรตรงไหน

12. ไม่รู้จักเตรียมตัว

ไม่ทำการบ้าน ไม่เตรียมข้อมูลก่อนนำเสนอลูกค้า ไม่เตรียมสิ่งที่ต้องสาธิตให้ลูกค้าดูแบบพร้อมใช้งาน เชื่อไหมบางคนถึงขั้นลืมเตรียมที่ชาร์จแบตหรือคอมพิวเตอร์ไม่ได้ชาร์จมาแล้วไปเสร่อๆ ต่อหน้าลูกค้า ดับแน่นอนในการเปิดการขายครั้งแรกเพราะไม่มืออาชีพ

13. ไม่ติดตามงาน

เปิดการขายดีแล้ว ลูกค้าสนใจ แต่ตกม้าตายเพราะลืมตามงาน เอาแค่โทรสอบถามหรือไลน์ไปหายังไม่ทำเลย คนส่วนใหญ่ขายไม่ได้เพราะเรื่องนี้มาเยอะแล้วครับ

14. ไม่เคารพเวลาลูกค้า

ชอบปล่อยไหลหลังจากพูดเรื่องเนื้อๆ จบแล้วเลยพูดแต่เรื่องน้ำๆ มากไป ลูกค้าบางคนติดลูกเกรงใจจึงไม่กล้าปฎิเสธ เอาเวลาพวกเขามาผลาญ หรือเรื่องง่ายๆ อย่าง “การมาสาย” ก็ทำให้คุณดูเป็นคนที่ไม่มืออาชีพ ถึงแม้ว่าสังคมไทยจะหยวนๆ ได้ก็ห้ามทำเด็ดขาด

15. ชอบบลัฟคู่แข่ง

มักเกิดจากนักขายอ่อนหัดที่หัวร้อนเวลาโดนเปรียบเทียบกับคู่แข่ง พวกเขาด้อยกว่าตรงไหนก็ด่าคู่แข่งยับเลย ซึ่งมันไม่ได้ทำให้ภาพลักษณ์ของคุณดีขึ้นเลย

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts