ทำไมผมถึงบอกว่ามีสินค้าที่ขายดีถึงยังไม่ดีพอ?

เป็นคำถามที่น่าจะสร้างความงงงวยให้กับใครหลายๆ คน ก็ในเมื่อมีสินค้าขายดี ลูกค้าซื้อเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอแล้วยังดีไม่พออีกเหรอ นี่แหละครับที่ผมกำลังจะบอกคุณเลยว่าทำไมถึงยังดีไม่พอและไม่ควรปล่อยผ่านเป็นอันขาด โดยเฉพาะระดับผู้บริหาร มาดูกันว่าผมมีเหตุผลอะไรให้คุณเชื่ออย่างนั้นกันเลยครับ

1. เพราะเวลาที่คุณขายดีก็มักจะมีมารผจญอยู่เสมอ

มารผจญที่ว่านั้นก็คือ “คู่แข่ง” นั่นเองครับ (ฮา) เพราะในโลกนี้ต่อให้คุณมีสินค้านวัตกรรมสุดเทพแค่ไหน เช่น ผลิตไอโฟนขั้นเทพได้สำเร็จ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แต่เวลาผ่านไปไม่น่าเกิน 10 ปี ปรากฎว่ามีมือถือเกาหลี จีน ที่หน้าตาแทบจะเหมือนกันเป๊ะออกมาขาย หรือว่าคุณเปิดร้านขายวัสดุก่อสร้างทั้งอำเภอเพื่อเธอคนเดียว มีร้านเดียว รวยอยู่คนเดียว แต่เชื่อมั้ยครับว่าเวลาผ่านไปก็จะมีคู่แข่งมาเปิดอยู่ข้างๆ เผลอๆ มาแบบใหญ่มากจนคุณโดนบดขยี้ เป็นต้น คู่แข่งจะทำให้ตลาดเริ่มปรับตัวโดยเฉพาะราคา แถมยังมีโอกาสถูกแย่งชิงลูกค้าออกไปด้วยครับ

2. คู่แข่งคือตัวแปรที่ทำให้ราคาและโอกาสในการขายลดลง

ก็เหมือนตลาดมือถือนั่นแหละครับ คุณตั้งราคาเอาไว้สูงแต่แรกด้วยคุณสมบัติขั้นเทพ แต่ปรากฎว่าพอมีคู่แข่งเกิดขึ้น พวกเขาก็จะมาด้วยราคาที่ถูกกว่าเสมอ คุณสมบัติอาจมีความแตกต่างบ้างแต่ก็ไม่มาก เพราะเป็นกลยุทธทางธุรกิจที่ได้ผล ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น แน่นอนว่ามือถือคงไม่มีใครซื้อซี้ซั้วถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เต็มที่ก็มีไม่เกิน 2 เครื่อง ดังนั้นเมื่อลูกค้าซื้อคู่แข่งไปแล้วก็จะทำให้คู่แข่งได้ลูกค้าใหม่และเผลอๆ ได้ลูกค้าเก่าของคุณไปด้วย และเมื่อมีคู่แข่งหลายๆ เจ้าเข้ามาในตลาด ธุรกิจของคุณก็จะกลายเป็น Red Ocean หรือน่านน้ำสีเลือด

3. การพัฒนาหรือหาสินค้าใหม่มาขายจะทำให้ธุรกิจของคุณรวยขึ้น

ผู้บริหารและเจ้าของกิจการที่มีวิสัยทัศน์จะรู้ว่าการสรรหานวัตกรรมและสินค้าใหม่ที่คู่แข่งยังไม่ทำอยู่เสมอ เพราะจะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำให้ลูกค้าเก่าซื้อซ้ำและแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดเป็นเจ้าแรกก่อน ผู้นำตลาดมักจะมีสิ่งใหม่ๆ เข้ามาเติมสินค้าเดิมให้มีรายการมากขึ้นยังไงล่ะครับ จงอย่าหยุดที่จะสรรหาอะไรใหม่ๆ และผ่านการวิจัยหรือมีข้อมูลมาเสริมว่ามันจะไปได้ดีในตลาดที่ไม่เคยมีใครรู้จักมาก่อน นี่คือหนึ่งในหัวใจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืนเลยก็ว่าได้

Comments

0 comments