จุดแข็งของการทำธุรกิจแบบครอบครัวที่คุณควรดึงมาใช้
ธุรกิจแบบครอบครัว (Family Business) ผมเชื่อว่าผู้อ่านหลายๆ คนกำลังธุรกิจนี้อยู่กับครอบครัวของคุณ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบกงสีของครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีน หรือกิจการไทยแท้ๆ ที่พ่อแม่ของคุณไม่ได้มีเชื้อจีนแต่อย่างใดก็ถือว่าเป็นธุรกิจแบบครอบครัวทั้งนั้นครับ
ตัวอย่างธุรกิจครอบครัวที่คุณต้องรู้จักเป็นอย่างดีในประเทศไทย เช่น กลุ่มซีพีของตระกูลเจียรวนนท์ กลุ่มเซ็นทรัลของตระกูลจิราธิวัฒน์ กลุ่มบุญรอดของตระกูลภิรมย์ภักดี เป็นต้น ซึ่งนี่คือตัวอย่างธุรกิจครอบครัวที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามเลยก็ว่าได้
ที่สำคัญคือมีข้อมูลงานวิจัยจากสถาบัน Conway Center บ่งบอกว่าธุรกิจที่สร้างผลกำไรและเติบโตจนเป็นส่วนหลักของประเทศที่สหรัฐอเมริกา มีตัวเลขธุรกิจของครอบครัวสูงถึง 64% ที่สร้างผลผลิตมวลรวมของประเทศได้ แสดงให้เห็นว่าธุรกิจส่วนใหญ่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่เติบโตดีมักจะมาจากธุรกิจของครอบครัวเป็นหลัก
ถ้าคุณได้รับโอกาสรับช่วงต่อเป็น “ผู้สืบทอด” ถึงแม้ว่าใจไม่ได้เรียกร้องหรือโดนบังคับก็ตามที คนที่มีความตั้งใจอยู่แล้วก็โชคดีไป แต่สำหรับคนที่โดนบังคับ ผมพูดเลยว่าถ้าคุณฝืนโชคชะตานี้ไม่ได้ การเปลี่ยนมุมมองใหม่ที่มีต่อธุรกิจครอบครัวอันแสนน่าเบื่อหรือคุณไม่ได้อินกับมันตั้งแต่เกิด (เพราะเห็นจนเบื่อ) มีจุดแข็งที่ทำให้ชีวิตนักธุรกิจของคุณง่ายกว่าคนที่เกิดมาไม่ได้มีธุรกิจของครอบครัวแบบคุณครับ จงนำจุดแข็งเหล่านั้นมาใช้ดีกว่าดังนี้เลย
1. Pride ความภาคภูมิใจ
คุณย่อมมีความรู้สีกภาคภูมิใจต่อความสำเร็จของครอบครัวจากคนรุ่นก่อนหน้าคุณ เป็นประสบการณ์ที่เด็กบ้านไม่รวยไม่มีวันได้สัมผัสความรู้สึกตรงนี้ ยิ่งธุรกิจครอบครัวของคุณมีประวัติศาสตร์อย่างยาวนานหรือเป็นธุรกิจยักษ์ใหญ่ขนาด 100 ล้านขึ้นไปซึ่งเติบโตดีก็ยิ่งสร้างความภาคภูมิใจให้กับคุณในการทำธุรกิจนี้ ความสำเร็จที่ส่งต่อจากคนรุ่นก่อนย่อมทำให้คุณเกิดความรู้สึกนับถือและ “โชคดี” ที่ได้เกิดมาในตระกูลอันมั่งคั่ง สิ่งเหล่านี้จะเป็น “พลังขับดันด้านสว่าง” ที่มีอานุภาพไม่แพ้ “พลังด้านมืด” ของคนที่เกิดมาเจ็บปวดจนต้องสู้ชีวิตและกระหายความสำเร็จเลยแม้แต่น้อย จงคิดถึงความรู้สึกนี้เอาไว้แล้วคุณจะทำธุรกิจได้ไม่แพ้ใครหน้าไหนแน่นอน
2. Strange in unity ความเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน
“เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ” ย่อมเป็นสิ่งที่คุณต้องสำนึกถึงบุญคุณหรือคุณค่าที่บรรพบุรุษมอบให้อยู่เสมอ ทำให้การทำธุรกิจร่วมกันไม่ได้หมายความว่าเป็นเรื่องธุรกิจที่ด้านมืดของมันคือเมื่อผลประโยชน์ไม่ลงตัวก็พร้อมจะหักหลังกัน เลิกคบกัน หรือแม้แต่รักก็กลายเป็นเกลียดกันได้ แต่ธุรกิจครอบครัวนั้นไม่ใช่ ถึงแม้ว่าจะมีความขัดแย้งกันเกิดขึ้น แต่สายเลือดเดียวกันย่อมแก้ปัญหาความขัดแย้งร่วมกันได้ง่ายกว่า ต่างกับเจ้านายและลูกน้องในบริษัทที่เมื่อลูกน้องเถียงเจ้านายก็เตรียมเงาหัวขาดไม่ได้เติบโตในสายงานเพียงแค่เจ้านายไม่ชอบขี้หน้าได้เลย
3. Entrepreneurial Drive มีแรงขับดันเรื่องความเป็นเจ้าของกิจการ
นักธุรกิจที่สามารถเป็นโค้ชแห่งชีวิตของคุณได้ก็คือครอบครัวของคุณ พวกเขาเป็นแบบอย่างที่ดีและสามารถสอนคุณได้ทุกซอกทุกมุมแบบ “ไม่กั๊ก” ที่สำคัญคือพวกเขายินดีจะสอนและมอบโอกาสให้คุณได้ศึกษาเล่าเรียนเกี่ยวกับศาสตร์ด้านบริหารธุรกิจระดับสูงตั้งแต่เด็ก ไม่แปลกที่หลายๆ ครอบครัวมักส่งลูกหลานไปเรียนต่อต่างประเทศในมหาวิทยาลัยชั้นนำที่เก่งเรื่องบริหารธุรกิจ เรียกได้ว่าเคี่ยวเข็นกันตั้งแต่เด็กด้วยซ้ำ ที่สำคัญคือคุณจะได้คอนเนคชั่นทางธุรกิจมาจากเพื่อนร่วมรุ่นและมีผู้ใหญ่พาคุณไปออกงานสังคมเจอนักธุรกิจระดับสูงอีกด้วย
4. Fairness ความเสมอภาค
ถ้าบ้านไหน “รักลูกไม่เท่ากัน” คุณคงโชคร้ายมากๆ ที่บางทีหัวหน้ากงสีอาจจะรักคนที่เก่งกว่าคุณ แต่จุดแข็งของธุรกิจครอบครัวที่ประสบความสำเร็จจะต้องมีความเสมอภาคในการแบ่งบทบาทหน้าที่ที่เหมาะสมกับสมาชิกในครอบครัวที่ร่วมกันทำธุรกิจกงสีเช่นเดียวกับคุณ จำนวนหุ้นหรืออำนาจความรับผิดชอบจะต้องกระจายอย่างเท่าเทียมกัน คุณสามารถเรียนรู้เรื่องนี้ได้จากกลไกการกำหนดบทบาทของครอบครัวซึ่งไม่ต่างกับการทำงานภายในองค์กร ตัวอย่างที่ดีมากๆ คือการบริหารสมาชิกในกงสีแบบตระกูลเซ็นทรัลซึ่งแต่ละคนจะถูกส่งไปเรียนและกลับมาทำงานในบทบาทต่างๆ ของกลุ่มเซ็นทรัล และไม่มีความขัดแย้งใหญ่โตเกิดขึ้น เป็นต้น
นี่คือจุดแข็งหลักๆ ที่คุณสามารถดึงประสบการณ์ตรงนี้จากธุรกิจของครอบครัวคุณ แต่ถ้าใครยังไม่แน่ใจว่าจะต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้ธุรกิจของครอบครัวคุณดีขึ้น คุณสามารถเข้ามาเรียนคอร์สผู้บริหารฝ่ายขายและทายาทธุรกิจครั้งที่ 16 กับผม ซึ่งผมจะสอนทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับการเป็นนักธุรกิจของครอบครัวที่ประสบความสำเร็จให้คุณครับ
คลิก: https://www.eventpop.me/e/7710-sales-director-16th
Comments
0 comments