ประสบการณ์ระดับโลกกับการเยี่ยมชมบริษัท Salesforce
นี่คือประสบการณ์อันล้ำค่าของผมอีกครั้งนึงครับ กับการเข้าไปเยี่ยมชมบริษัทอันดับ 4 ของโลกในอุตสาหกรรมไอที (เป็นรองแค่ Microsoft, Oracle, IBM) ซึ่งก็คือบริษัท Salesforce ที่เป็นหมายเลขหนึ่งของโลกในธุรกิจซอฟท์แวร์ด้าน CRM (Customer Relationship Management)
สำหรับใครที่ไม่รู้ว่า CRM คืออะไร ผมขออธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ว่ามันคือเครื่องมือที่ทำให้การสร้างรายงานการขายนั้นง่ายขึ้น คุณอาจจะคิดว่าแล้วยังไงวะ? ถ้าสงสัยแบบนี้ก็แสดงว่ายังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องมีรายงานการขาย (Sales Report)
ผมต้องขอบอกตรงนี้เลยนะครับว่าใครที่ไม่เห็นความสำคัญของรายงานการขาย คุณย่อมไม่มีทางรู้สุขภาพการขายของทีมขาย หรือเอาไปวางแผนเชิงกลยุทธเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันเชิงธุรกิจแน่นอน นอกจากนี้ยังไม่สามารถเข้าใจลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการรักษาลูกค้าแล้วขายเพิ่มอีกด้วย
ผมได้เข้าเยี่ยมบริษัท Salesforce ที่ประเทศแคนาดาร่วมกับทาง University of Toronto ที่ได้ให้เกียรติผมเป็นแขกรับเชิญในการพบกับผู้บริหารระดับสูงจาก Mr. Zeeshan Ali, Vice President – Canada และ Mr. Gary Kimmel, Certified Master Enterprise Architect ที่เป็นผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์อันสุดเทพนี่เอง
ผมจึงขอแบ่งปันประสบการณ์ระดับโลกที่หาไม่ได้ง่ายๆ จากที่ไหนนอกจากที่นี่ให้คุณเข้าใจว่าทำไม Salesforce ถึงขับเคลื่อนการขายของโลกใบนี้โดยมีมูลค่ามากกว่า 1 ล้านล้านเหรียญฯ กันเลยทีเดียวครับ
1. Salesforce บอกว่าหัวใจสำคัญที่สุดของการทำธุรกิจคือ “Trust”
ความน่าเชื่อถือคือทุกสิ่งอย่างแท้จริง การเริ่มต้นทำธุรกิจ (ขาย) ต้องมาจากคำคำนี้เท่านั้น ถ้าคุณทำให้ลูกค้ารู้สึกขาดความน่าเชื่อถือในตัวคุณเมื่อไหร่ คุณไม่มีทางขายพวกเขาได้อย่างแน่นอน ตัวอย่างง่ายๆ เช่น พ่อค้าขายผลไม้ข้างทางที่แต่งตัวดูสะอาด สวมถุงมือ สวมหมวกพ่อครัว ล้างมือตลอด กับพ่อค้าที่แต่งตัวโทรม ใช้มือเปล่าดำๆ จับผลไม้ ผมยาวรุงรัง แค่นี้ก็รู้แล้วครับว่าคุณจะจ่ายเงินให้กับพ่อค้าแบบไหน เป็นต้น ดังนั้นความน่าเชื่อถือในการขายระดับสูงต้องไล่ตั้งแต่เสื้อผ้า กาละเทศะ เนื้อหาที่จะคุย ข้อมูลที่น่าเชื่อถืออ้างอิง ความปลอดภัย ฯลฯ นั่นเองครับ
2. Salesforce ได้รับรางวัล The Most Admired Company to Work with in the World
นี่คือสุดยอดรางวัลที่แสดงให้เห็นว่าบริษัท Salesforce ไม่ได้เป็นองค์กรที่มุ่งเน้นไปกับการแสวงหาผลกำไรเพียงอย่างเดียว แต่ยังมุ่งเน้นไปที่เรื่องของ “ความใส่ใจ” โดยเฉพาะกับพนักงานของ Salesforce มากกว่า 55,000 คนทั่วโลก สิ่งที่ Salesforce ทำคือการทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายๆ ไล่ตั้งแต่ออฟฟิศที่น่าทำงาน มีมุมพักผ่อนหรือมุมที่ช่วยให้พนักงานมีความคิดสร้างสรรค์ และที่สำคัญคือ “สนับสนุนให้พนักงานทำงานที่ไหนก็ได้” ซึ่งเรื่องนี้ทำให้พนักงานปลอดภัยจากภาวะ COVID19 ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมต่างๆ ให้พนักงานได้ทำงานอย่างมีความสุข ว่ากันว่าพวกเขาสร้างสังคมการทำงานในออฟฟิศได้เจ๋งกว่าบริษัทอย่าง Google หรือ Facebook เสียอีก
3. Salesforce พัฒนาเทคโนโลยีและเข้าร่วมในการควบรวมกิจการที่ทำให้ธุรกิจดีขึ้นอยู่เสมอ
การควบรวมกิจการ (Merger & Acquisition) เป็นอะไรที่บริษัทระดับโลกเขาทำกันอยู่เสมอ และมันไม่ใช่เรื่องปลาใหญ่กินปลาเล็กแต่อย่างใด แต่มันคือความพึงพอใจของธุรกิจทั้งสองฝ่ายที่จะได้ผลประโยชน์ร่วมกันในการทำให้เรือนั้นลำใหญ่ขึ้น เร็วขึ้น นี่คือสิ่งที่ Salesforce ทำนั่นก็คือการเข้าซื้อกิจการบริษัทที่ยอดเยี่ยมและมีเทคโนโลยีอันก้าวหน้ามาเสริมทัพอยู่เสมอตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา เช่น แอปฯ มือถือของตนเอง ระบบการสร้าง Business Intelligent Report ที่ใช้ในการวิเคราะห์ฐานข้อมูล ระบบปฎิบัติการคลาวด์ ฯลฯ ซึ่งแม้แต่แอปฯ ระดับโลกชื่อดังที่เป็นอาลีบาบาของฝรั่งคือ Shopify ทาง Salesforce ก็อยู่เบื้องหลังการพัฒนาแอปฯ นี้จนแข็งแกร่งอีกด้วย
4. Salesforce มีสุดยอดโมเดลแห่งความยั่งยืนคือ 1-1-1
นี่คือสิ่งที่ทำให้ Salesforce เป็นมากกว่าบริษัทที่ร่ำรวย แต่เป็นบริษัทที่สร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับโลกอย่างแท้จริง ทางผู้บริหารฯ ได้บอกว่า Salesforce จะทำการใช้โมเดล 1-1-1 ซึ่งไม่ใช่แค่บริษัทอย่างเดียว แม้แต่พนักงานก็มีส่วนร่วมอีกด้วย โมเดลนี้เป็นโมเดลที่พวกเราควรศึกษามาก ดังนี้
1% จากเวลาทำงาน 8 ชั่วโมง = 5 นาที
เพื่อให้พนักงานได้ใช้เวลาว่างในการคิดไอเดียใหม่ๆ ในการช่วยเหลือสังคม เช่น การคิดไอเดียจิตอาสา เป็นต้น
1% จากสินทรัพย์ (หุ้น) และ 1% จากการขายสินค้า 1% จากสินทรัพย์ (หุ้น) ซึ่งจากข้อมูลเมื่อปี 2016 บริษัท Salesforce ได้มอบเงินถึง 115 ล้านเหรียญสหรัฐและให้เงินพนักงานค่าอาสาสมัครถึง 1.3 ล้านเหรียญฯ ซึ่งได้นำไปมอบให้องค์กรการกุศลมากกว่า 28,000 แห่ง และยังสามารถใช้งานระบบ Salesforce ได้ฟรี ปรัชญานี้ได้มีบริษัทมากกว่า 700 แห่งทั่วโลกนำไปปรับใช้กับองค์กร โมเดลนี้ยังสอดคล้องกับสิ่งที่ทาง UN นั้นต้องการขับเคลื่อนโลกอย่างยั่งยืนและมีความสัมพันธ์กับ Sustainable Development Goals (SDG) อีกด้วย
5. Salesforce เป็นระบบที่คุณสามารถใช้งานได้ฟรีและใช้ง่ายที่สุดในโลก
ที่ผมบอกว่า “ง่ายที่สุดในโลก” เป็นเพราะเพียงแค่คุณเข้าไปที่เว็บไซต์ Salesforce ผ่านกูเกิ้ล แล้วพบว่าคุณทำอะไรไม่เป็น ไม่ต้องกลัวเลยแม้แต่น้อยครับ เพียงแค่คลิกใช้งานฟรี 30 วันแรกดูก่อน จากนั้น Salesforce จะมีเมนูสอนการใช้งานให้กับคุณแบบฟรีๆ โดยไม่ต้องให้นักขายมาสอนคุณเลย จงลองเข้าไปสัมผัสและรับรู้ถึงประโยชน์ของ Salesforce คุณจะพบว่านี่คือเหตุผลที่องค์กรต้องมีระบบ CRM เพราะมันสามารถสร้างผลกำไรให้บริษัทได้อย่างยั่งยืน และยังมอบความมั่นใจให้กับธุรกิจของคุณอีกด้วย
นี่คือประสบการณ์อันยอดเยี่ยมครั้งหนึ่งของชีวิตผมในการเยี่ยมชมบริษัทระดับโลกเลยก็ว่าได้
Comments
0 comments