ข้อคิดด้านการขายจากหนังเรื่อง The Naked Director
ช่วงนี้เป็นช่วงที่ผมมีเวลาว่างช่วงสุดสัปดาห์แทบทุกอาทิตย์เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ที่ทำให้ต้องใช้เวลากักตัวอยู่ในบ้านอย่างต่อเนื่อง จึงได้ลองใช้เวลาไปกับการดูหนังดูซีรีส์ใน Netflix อยู่พอสมควร แล้วผมก็ได้พบกับซีรีส์เรื่องนึงที่เพื่อนๆ สายหื่น (ฮา) บอกว่าเรื่องนี้ต้องดู เกี่ยวกับหนัง AV ญี่ปุ่น นางเอกสวย ผมจึงได้ทีจิ้มเข้าไปดู
นอกจากความคาดหวังว่าต้องมีฉากวับๆ แวบๆ ตามแบบฉบับเรื่องราวที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมหนังโป๊ญี่ปุ่นแน่นอน ที่น่าสนใจคือหนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงของเจ้าพ่อวงการหนังเอวี ชื่อมิสเตอร์ โทรุ มุรานิชิ ช่วงยุคปี 1980 ตั้งแต่ตอนทำงานเป็นแค่พนักงานขายต๊อกต๋อยในบริษัทเล็กๆ จนก้าวสู่การเป็น “นักธุรกิจผู้ปฎิวัติวงการหนังเอวี”
จึงเป็นที่มาของชื่อ “โป๊ บ้า กล้า รวย”
สิ่งที่ผมได้แง่คิดจากหนังเรื่องนี้คือมิสเตอร์โทรุ ได้ใช้ทักษะด้านการขายตั้งแต่ช่วงเป็นพนักงาน ไปจนถึงการก่อตั้งธุรกิจ 18+ เป็นของตนเอง ผมจะขอเล่าโดยสรุปและเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนที่ได้ข้อคิดได้การขาย จนทำให้แกประสบความสำเร็จ ดังนี้ครับ
1. แรกเริ่มเดิมทีคือมุรานิชิแกเป็นพนักงานขายสารานุกรมภาษาอังกฤษแห่งหนึ่ง ซึ่งช่วงแรกนั้นขายไม่ได้แม้แต่เล่มเดียว ดูทรงแล้วคงไปไม่รุ่ง เจ้านายแกจึงให้ไปเรียนรู้กับนักขายรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์และเป็นท็อปเซลล์
2. ช่วงที่แกเรียนรู้กับท็อปเซลล์นี่แหละ ซึ่งลูกพี่มุรานิชิได้สอนหนึ่งในทักษะการขายขั้นเทพที่ทุกคนต้องมี นั่นคือ “การเปิดใจลูกค้า” ด้วยการใช้สกิลปากที่ดี
3. วิธีที่ลูกพี่บอกมุรานิชิคือ “การชมอีกฝ่ายแล้วค่อยพูดจาหว่านล้อม ให้ชมลูกค้าเข้าไปเพื่อให้พวกเขาเปิดใจก่อน จากนั้นค่อยพูดจาแทงใจดำหรือใช้คำพูดท้าทายลูกค้าด้วยการตำหนิอย่างเร้าร้อน โดยใช้คำพูดที่สุภาพเข้าไว้”
4. ซึ่งมุรานิชิก็ลองเอาไปใช้ดูกับลูกค้าซึ่งเป็นเมียยากูซ่าด้วยเทคนิคนี้ โดยเริ่มจากการพูดจาชื่นชมถึงความสวยของลูกค้า ก่อนจะพูดถึงการเสียโอกาสที่จะยกระดับทางสังคมถ้าลูกค้าไม่เรียนรู้ภาษาอังกฤษที่เขาพยายามขายนั่นเอง
5. จากนั้นเขาก็ลองไปปิดการขายกับยากูซ่าที่เป็นสามี โดยเปิดการขายด้วยการชมรอยสักว่ามันสวยงาม เหมาะกับเขามากๆ ดูดีสุดๆ จากนั้นก็ตบหัวและเริ่มเปิดการขายด้วยการถามว่า
6. “เดี๋ยวนี้ลูกค้าต่างชาติเยอะไหมครับ ถ้ารู้ภาษาอังกฤษไว้ก็ดีนะครับ จะทำให้ได้เปรียบเรื่องธุรกิจ แต่ที่เจ๋งไปกว่านั้นคือภาษาอังกฤษทำให้สื่อสารภาษารักกับสาวๆ ต่างชาติได้…” (ช่วงนี้ฮามาก เพราะทำท่าประกอบแถมยังสาธิตให้ดูด้วย 555)
นี่คือบทสรุปทั้งหมดของทักษะการขายที่ฟังดูเรียบง่าย แต่จริงๆ แล้วมันคือทักษะการขายชั้นสูง นั่นก็คือ “First Impression” นั่นเองครับ ซึ่งมันที่นักขายและนักธุรกิจทุกคนต้องมี มันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมนักธุรกิจมืออาชีพถึงต้องแต่งตัวให้เนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า รักษาความสะอาด ทรงผมดูดี มีท่าทางที่สุภาพตั้งแต่การเดิน นั่ง ยืน แลกนามบัตร ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือการสร้าง First Impression ตั้งแต่เปลือกนอกเพื่อให้ลูกค้าเชื่อถือตั้งแต่ 3 วินาทีแรก
ส่วนต่อมาคือการเปิดใจลูกค้าด้วยวาจา โดยเฉพาะการเจอลูกค้าครั้งแรก คุณสามารถใช้เทคนิคจากมุรานิชิซังได้ง่ายๆ ด้วยเทคนิคการชมลูกค้าก่อน ซึ่งควรชมด้วยความจริงใจและรู้จริง ตัวอย่างเช่น คุณไปดีลงานกับลูกค้าแล้วเห็นเขาใส่นาฬิกาโรเล็กซ์รุ่นที่คุณรู้จัก คุณจึงเริ่มใช้วิธีมุรานิชิว่า “นาฬิกาที่ลูกค้าใส่คือ Rolex รุ่น Daytona ใช่มั้ยครับ เห็นเขาว่ากันว่าหายากมากๆ เลย สวยมากเลยครับ” รับรองว่าคุณจะเห็นรอยยิ้มเขิลๆ ของลูกค้า จากนั้นการนำเสนอขายก็ลื่นไหล ทลายน้ำแข็ง (Ice Breaking) อย่างราบคาบ
และช่วงการนำเสนอ คุณสามารถพูดแทงใจดำและท้าทายลูกค้าด้วยการตำหนิอย่างเร่าร้อน โดยใช้คำพูดที่สุภาพเข้าไว้ เช่น คุณขายโซลูชั่นด้านการตลาดออนไลน์ในช่วง COVID-19 คุณจึงพูดกับพวกเขาตอนที่พวกเขายังลังเลหลังจากฟังคุณแล้วว่า
“ผมคิดว่าลูกค้าควรตัดสินใจใช้งานโซลูชั่นออนไลน์เพื่อให้สินค้าขายได้ผ่านช่องทางออนไลน์แทนการเปิดหน้าร้าน มิเช่นนั้นลูกค้าจะเสียผลประโยชน์เพราะหน้าร้านเปิดไม่ได้ ที่สำคัญคือคู่แข่งอาจจะแย่งตลาดในออนไลน์ไปก็ได้ จริงๆ ที่สำคัญไปกว่านั้นคือหลังจากหมด COVID-19 การขายออนไลน์อาจเป็นมิติใหม่ที่ทำให้ลูกค้ารวยขึ้นด้วยซ้ำ”
ปิดการขายครับผม
Comments
0 comments