อาชีพนักขาย…อีกเส้นทางของผู้ที่เรียนจบเฉพาะทาง
วันนี้มีเพื่อนเก่าของผมตั้งแต่สมัยเรียนเข้ามาแชร์ว่าทำไมเขาถึงต้องลาออกจากงานเซลล์บริษัทข้ามชาติเพื่อไปทำงานราชการ
หนึ่งในเหตุผลหลักๆ ที่ต้องเลิกเป็นอาชีพนักขายเป็นเพราะผู้ใหญ่ (พ่อแม่) มองมาที่เพื่อนผมนั่นคือ เป็นอาชีพที่ “ต้องง้อคนอื่น” และ “ความมั่นคงต่ำ ความเสี่ยงสูง” ซึ่งก็ไม่แปลกที่ผู้ใหญ่หลายๆ คน รวมทั้งคนรุ่นเดียวกันมองว่าอาชีพนักขายจะถูกมองด้วยภาพ (Stereotype) แบบนั้น
ผมเองเป็นคนที่มองโลกตามความเป็นจริงเสมอ ยึดหลักความจริงในใจเรื่อง “เราไม่สามารถเปลี่ยนใครได้” ตลอดมา แน่นอนว่าใครจะคิดอะไรมันก็เป็นสิทธิ์ของเขา จำไว้นะครับ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราเปลี่ยนเขาไม่ได้ครับ คนอื่นจะคิดยังไงก็ปล่อยเขาคิดไป เรามองที่ตัวเราเองก็พอ
ผมเรียนจบทางด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นสกิลเฉพาะทาง (Specialist) เหมือนกับหลายๆ ท่านที่จบทางด้าน บัญชี การตลาด เภสัช วิศวะ เกษตร แพทย์ สัตวแพทย์ วิทยาศาสตร์ ภาษา ฯลฯ ซึ่งเป็นสกิลที่เน้นความรู้ทางวิทยาศาสตร์เฉพาะทาง
แน่นอนครับว่าคณะเฉพาะทางที่ต้องเน้นทักษะสูงๆ จบมามีอาชีพดีๆ ทำ มีงานดีๆ รองรับแน่นอน หลายๆ คนเป็นเทพ เรียนต่อปริญญาโท-เอก เป็น ดร. ทำงานบริษัทดัง เงินเดือนสูง ฯลฯ
แต่ก็นั่นแหละครับท่านผู้ชม สิ่งดีๆ ที่เป็นอนาคตจากคณะที่จบมา มันจะกลายเป็น “เข็มทิศกำหนดอนาคตของเราเอง” ซึ่งมีข้อแม้ว่าการที่คุณจะบินสูงได้ คุณต้องมีความรู้ ความสามารถ ความพยายาม ความตั้งใจ ซึ่งบางทีมันไม่พอสำหรับสายงาน Specialist ตราบใดที่คุณยังขาด “ความชอบ” และบางทีก็ต้องการ “พรสวรรค์”
ผมก็เหมือนใครอีกหลายๆ คนที่เลือกเรียนทางด้านคอมพิวเตอร์ แต่พอเริ่มเรียนไปซักพักผมก็รู้ตัวว่าตนเองนั้นขาดทักษะทางคณิตศาสตร์และตรรกศาสตร์ระดับสูง ถึงขั้นได้ “F” วิชา Calculus, Stat และ “D” วิชา Data Structure ซึ่งเป็นพื้นฐานที่จำเป็นของการเขียนโปรแกรมที่ดี เพื่อนคณะอื่นของผมหลายๆ คนก็ล้มเหลว บางคนไปไม่รอดถึงขั้นโดนรีไทร์เลยก็มี
มันทำให้ผมรู้ตัวเลยว่าอนาคตคงไม่รอดแน่กับการทำอาชีพที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ผมน่าจะเป็นได้แค่พนักงานระดับล่างที่ไม่โตเท่าเพื่อนร่วมอาชีพแน่ๆ แต่แล้วก็พบแสงสว่างนอกปลายอุโมงค์ตอนไปฝึกงานที่กรุงเทพฯ ได้เข้าร่วมงานสัมมนาบริษัท IT ยักษ์ใหญ่ กอปรกับระหว่างเรียนนั้นมีความคิดอยากรวย จึงอ่านหนังสือเศรษฐีส่วนใหญ่มักบอกว่าถ้าอยากรวย “จงไปทำอาชีพเป็นเซลล์ขายของ”
ผมรู้ตัวเลยว่าอาชีพเซลล์น่าจะเป็น “ทางรอด” เดียวของผม จึงเดินไปถาม CEO บริษัทคอมฯ ในงานนั้นว่าทำยังไงผมถึงจะได้เป็นเซลล์ครับ? ผมเกรดไม่ค่อยดี จะมีโอกาสไหมครับ? ท่านผู้นั้นได้บอกผมว่าชอบที่ผมกล้าเข้ามาถามเค้าและได้ให้แนวคิดกับผมว่า..
สิ่งแรกของการเป็นเซลล์คือความกล้าและผลการเรียนนั้นไม่จำเป็นเสมอไป แถมบอกเพิ่มอีกว่าอาชีพนี้ยิ่งใหญ่ไม่แพ้อาชีพอื่นเลย ผมจึงตั้งเป้าตั้งแต่ตอนนั้นว่าต้องเป็นเซลล์มืออาชีพในบริษัทอเมริกันข้ามชาติอย่าง Microsoft ให้ได้ สิ่งนั้นเลยเป็น “เข็มทิศกำหนดอนาคต” ของผมมาจนถึงวันนี้เลย (ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เข้าทำงานที่ Microsoft ก็ตาม ฮา..)
ผมจึงขอแนะนำอาชีพนักขาย (Sales) นี้ให้กับน้องๆ หรือคนที่สนใจและรู้ตัวว่าตนเองนั้นมีจุดอ่อนกับอาชีพที่ต้องใช้ทักษะทักษะสูง (Specialist) และอยากที่จะประสบความสำเร็จ ไปจนถึงการก้าวไปเป็นเจ้าของธุรกิจ มีทักษะสำคัญที่ไม่ต้องใช้เงินแม้แต่บาทเดียวแถมยังเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต อาชีพนักขายเป็นอีกทางเลือกนึงที่ยอดเยี่ยมมากทีเดียวครับ จึงขอแชร์สิ่งดีๆ ในอาชีพที่น่าภาคภูมิใจอีกอาชีพหนึ่งบนโลกใบนี้ ดังนี้ครับ
1) ทุกใบปริญญาสาขา Specialist มีอาชีพเซลล์อยู่เสมอ
สังเกตดูใน Jobsdb.com ว่าบริษัทวงการไหนๆ ที่เน้นสกิลเฉพาะทางเช่น วิศวกรรม ยาคน ยาสัตว์ เกษตรฯ รถยนต์ เคมี การตลาด การโฆษณา อัญมณี คอมพิวเตอร์ ไอที ฯลฯ จะมีอาชีพเซลล์ในใบสมัครงานอยู่เสมอ แถมหลายที่ ต้องการคนจบด้านนั้นตรงสายด้วย
ไม่ว่าจะวงการไหนๆ จบด้านอะไรมา เสาหลักที่ค้ำจุนธุรกิจของบริษัทก็คือเซลล์ครับ ต่อให้บริษัทฯ นั้นมีวิศวกรตัวเทพซัก 1,000 คน มีเภสัชกรตัวจี้ด 500 คน คิดค้นสุดยอดผลิตภัณฑ์ออกมาได้ แต่ดันไม่มีเซลล์นักขายหรือการตลาดเจ๋งๆ ก็ไม่มีประโยชน์ครับ ขายไม่ออกก็ไม่มีเงินเข้าบริษัท สุดท้ายก็เจ๊ง พนักงานอดตาย
อาชีพนักขายจึงมีที่ว่างให้กับคุณอยู่เสมอ ถ้าคุณมาทำงานสายนี้ได้ไวและทำอย่างถูกวิธี คุณจะมีพอร์ทและผลงานที่จับต้องได้ดีที่สุดก็คือยอดขาย คุณจะกลายเป็นที่ต้องการตัว เป็นมนุษย์ทองคำ เป็นตัวทำเงินที่ใครก็อยากได้ตัวคุณมาร่วมงาน แถมยังเอาประสบการณ์ที่ได้จากอาชีพนี้ไปประกอบธุรกิจด้วยตนเองในอนาคตเพราะคุณมีคอนเน็กชั่นมหาศาลจากฐานลูกค้าและพันธมิตร รวมไปถึงความรู้ ความเข้าใจตลาด ภาพรวมของธุรกิจที่คุณเชี่ยวชาญ
2) เป็นอาชีพที่มุ่งเน้นการพัฒนา “ทักษะนิ่ม (Soft-Skills)”
ทักษะนิ่ม (Soft-skills) เป็นทักษะที่สำคัญของ “คนเก่ง” ยุคใหม่ที่มหาวิทยาลัยไม่ได้สอน เป็นทักษะหรือความชำนาญที่เกี่ยวข้องกับคน ตรงข้ามกับ ทักษะแข็ง (Hard-skills) ที่มุ่งเน้นเกี่ยวกับตัวงาน
เนื่องจากว่าทักษะนิ่มนี้เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) โดยเฉพาะการทำงานให้ราบรื่น จึงสิ่งที่คุณแทบไม่ได้เรียนรู้จากมันเลยสมัยเรียนมหาวิทยาลัย (หรือมีก็น้อยมาก) เพราะของจริงคือตอนทำงานต่างหาก อาชีพนักขายเป็นอาชีพที่ต้องใช้ทักษะนิ่มนี้สูงมากและต้องมีการพัฒนาตัวเองตลอดเวลา
ต่อให้คุณไม่ได้เป็นนักขาย ทักษะนิ่มจะช่วยในเรื่องการทำงาน เช่น กษะการสื่อสาร การแก้ปัญหาความขัดแย้ง การจูงใจ การจัดการอารมณ์ของตัวเอง การเจรจาต่อรอง การคิดเชิงกลยุทธ์ การสร้างทีมงาน ความเป็นผู้นำ เป็นต้น
ทักษะเหล่านี้เป็นเรื่องที่จำเป็นสุดๆ และจะเป็นสกิลที่ติดตัวคุณไปตลอดชีวิต คุณจะกลายเป็นบุคคลที่ใช้ชีวิตอย่างฉลาด มีความสุข บริหารชีวิตได้ดีและประสบความสำเร็จสูง
3) อาชีพนักขายคือทูตของบริษัทฯ คุณคือนักธุรกิจ ไม่ใช่เซลล์
จงจำไว้นะครับว่าเมื่อใดที่คุณออกไปขายของ คุณคือตัวแทน คือ “ทูต” ของบริษัทฯ คำคำนี้จะทำให้คุณบอกตัวเองได้เลยว่าจริงๆ แล้วคุณไม่ได้ง้อใครให้มาซื้อแม้แต่นิดเดียว
คุณคือทูตที่คอยเสนอ เจรจา ปกป้องผลประโยชน์ระหว่างบริษัทคุณ (หรือธุรกิจคุณเอง) กับลูกค้าให้ลงตัว การจะก้าวจากคำว่าเซลล์ไปสู่คำว่านักธุรกิจหรือที่ปรึกษานั้นไม่ยากจนเกินไปถ้าคุณทำอย่างถูกวิธี เรียนรู้เกี่ยวกับอาชีพนี้โดยเฉพาะการสร้างความต้องการ ค้นหาความต้องการและเสนอวิธีการช่วยเหลือให้กับลูกค้าจะทำให้คุณกลายเป็นที่ปรึกษาฯ เป็นนักธุรกิจ ไม่ใช่เซลล์แมนที่คอยตื๊อขายของจนกลายเป็นแมลงสาปน่ารำคาญ
4) เป็นอาชีพที่ทำมากได้มาก แซงกันได้
เรื่องนี้ใครมาก่อนมาหลังไม่สำคัญ คุณเป็นมือใหม่แต่คุณทำกิจกรรมทางการขายได้มากกว่าคนมาทีหลัง เช่นคุณทำนัดหาลูกค้าใหม่ต่อวันได้วันละ 5 นัด ในขณะที่คนก่อนหน้าคุณ (ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่) ทำได้วันละ 2-3 นัดเท่านั้นเอง นั่นหมายความว่าคุณมีโอกาสทำเงินได้มากกว่าคนอื่น 2-3 เท่าเลย
ถ้าคุณทำอย่างต่อเนื่อง ผลงานคุณจะเริ่มผลิดอกออกผล เข้าตาผู้ใหญ่ โดยเฉพาะ CEO ซึ่งจับตามองคุณอยู่ เปรียบได้กับคุณเป็นโรนัลโด้ตอนอยู่แมนยูฯ มาถึงก็ยิงกระจายแซงหน้ารุ่นพี่ไปเลย ถ้าคุณซ้อมหนัก ทัศนคติดี ยิงประตูได้เยอะๆ แบบโรนัลโด้ คุณมีที่ยืนอยู่ท่ามกลางนักเตะ (นักขาย) ระดับสูงในองค์กรฯ ได้สบายๆ
ผู้บริหารบริษัทฝรั่งหลายๆ ท่านที่ผมเคยเจอตอนนี้มีอายุที่ไม่มาก แต่ละท่านเคยผ่าน “งานขาย” หรือทำตัวเลขให้กับองค์กรได้มหาศาลกันมาทั้งนั้นครับ หมายความว่าอายุนั้นเป็นเพียงตัวเลข ผลงานต้องมาก่อน
5) อยากรวยแบบไม่ต้องใช้เงินซักบาท ต้องมาเป็นเซลล์ก่อน
ชัดๆ ง่ายๆ ตรงไปตรงมา ในตอนเริ่มแรกอาชีพนี้ลงแรง ขายของ ได้ค่าคอมมิชชั่น โดยที่คุณไม่ต้องใช้เงินตัวเองซักบาท ไม่ต้องลงทุนซื้อเครื่องจักร ตั้งโรงงาน จ้างคนเยอะๆ จนปวดหัว
ถ้าคุณอยากเริ่มธุรกิจซักอย่างละก็ อาชีพเซลล์นี่แหละที่ทำให้คุณเป็นนายหน้า “จับเสือมือเปล่า” ได้ เช่นอสังหาฯ รถยนต์ ก่อสร้าง ซื้อมาขายไป ฯลฯ อะไรก็แล้วแต่ที่มีค่านายหน้าให้กับคุณ คุณสามารถใช้ทักษะนี้ในการหาผู้ซือและผู้ขายมาเจอกัน จากนั้นจงปิดการขายได้เลย บางงานมีค่าคอมหลักแสน หลักล้าน คุณจะเจอคอนเน็กชั่นกับโอกาสแทบทุกๆ วัน ไม่รู้จบเลยครับ ทีเหลือก็คือการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้นเอง
นี่คือความในใจของ “กูนี่แหละเซลล์ร้อยล้าน” เกี่ยวกับอาชีพนักขายครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์และเป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่เผชิญปัญหาชีวิตเหมือนผมมาก่อนได้นะครับ
Comments
0 comments