สิ่งที่คุณเรียนรู้จาก ‘แสนรู้’..ธุรกิจ Startup สำหรับคนวัยฝัน

เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา (ครบ 1 ปีพอดี) มีข่าวดีเกี่ยวกับแวดวงธุรกิจ Startup สัญชาติไทยที่ได้รับเงินระดมทุนมากถึง 7.4 ล้านเหรียญ (258 ล้านบาท) ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 4 ปี ซึ่งบริษัทนี้ชื่อว่าบริษัท ‘แสนรู้’ และเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยี Gen-Y 100% ตัวผมเองก็ได้มีส่วนร่วมกับเรื่องราวแห่งความสำเร็จครั้งนี้ด้วยครับ

บริษัท Zanroo (แสนรู้) คือบริษัทสตาร์ทอัพที่ทำธุรกิจแบบ B2B โดยเฉพาะ บริษัทนี้ทำเกี่ยวกับระบบโซเชี่ยล มอนิเตอริ่ง (Social Monitoring) เป็นหลัก และนำข้อมูลแบบบิ๊ก ดาต้า (Big Data:ข้อมูลขนาดใหญ่) บนโลกโซเชี่ยล เช่น เฟสบุ้ค ทวิตเตอร์ ยูทู้ป พันทิป อินสตาแกรม ฯลฯ ที่คนพูดถึงในง่มุมต่างๆ มาวิเคราะห์เป็นข้อมูลเชิงการตลาดที่ทรงพลัง นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันดราม่าจากผู้บริโภคในโลกออนไลน์ได้อีกด้วย 

ลองดูเคสง่ายๆ เช่น คนด่าค่ายมือถือเจ้านึงในพันทิป จะมี Customer Service ของค่ายมือถือสีนั้นๆ มาตอบเพื่อแก้ปัญหาให้ทันที ที่มาตอบไวๆ นั่นแหละครับคือการตอบของเจ้าหน้าที่ผ่านระบบแสนรู้เพื่อป้องกันไฟลามทุ่ง!

ที่สำคัญคือบริษัทนี้เริ่มก่อตั้งด้วยกลุ่มเพื่อนนักศึกษาไม่กี่คนแห่งคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวฯ คอมพิวเตอร์ แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งพวกเขาเองเป็นกลุ่ม Gen-Y ที่ไม่ได้มีโปรไฟล์เลิศหรู ไม่ได้เกิดมามีฐานะร่ำรวย ต้องจบเมืองนอกจากมหา’ ลัยชั้นนำ ต้องมีเกรดสวยหรูระดับเกียรตินิยมใดๆ ทั้งสิ้น

 ทำความรู้จักกับ ‘แสนรู้’ ให้มากขึ้น คลิกเลย!!!

พวกเขาเป็น ‘คนธรรมดา’ ที่มีความฝัน มีความสามารถในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ อยู่ในหัว พร้อมกับมีทัศนคติและทักษะการขายชั้นเลิศ จึงเป็นสิ่งที่นำพวกเขามายืนอยู่บน ‘จุดสูงสุด’ ของธุรกิจสตาร์ทอัพในเมืองไทยได้อีกด้วย

ทางเพจ ‘กูนี่แหละเซลล์ร้อยล้าน’ จึงขอ ‘แกะรอยหยักสมอง’ ของ CEO ที่ทำให้แสนรู้เป็นบริษัทสตาร์ทอัพแบบ B2B ที่มีมูลค่าสูงที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย และพร้อมก้าวกระโดดไปสู่ตลาดลูกค้าอีก 40 ประเทศ ทั่วโลก

1. ธุรกิจแบบ B2B จะทำให้คุณไม่ต้องใช้เงินในการเริ่มต้นธุรกิจ ‘แม้แต่บาทเดียว’ โดยเฉพาะงบด้านการตลาด

มุมมองตรงนี้จะแตกต่างกับธุรกิจแบบ B2C อย่างเห็นได้ชัด เพราะธุรกิจแบบ B2B ไม่จำเป็นต้องเสียเงินทางด้านการตลาด โดยเฉพาะงานโฆษณาแบบธุรกิจ B2C ให้เป็นที่รู้จัก ‘แม้แต่บาทเดียว’

ธุรกิจแบบ B2B สามารถขับเคลื่อนและทำให้ลูกค้าซื้อสินค้าด้วย ‘เซลล์’ ซึ่งเหล่าทีมเซลล์จะมีบทบาทมากในการหาเงินเข้าบริษัท ในขณะที่งานโฆษณานั้นแทบไม่มีบทบาทในช่วงแรกๆ เลย ทักษะของเซลล์ที่ดี ประโยชน์ของสินค้าที่ลูกค้าได้รับ กับความน่าเชื่อถือจะเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญที่สุด ที่ทำให้ลูกค้าซื้อ ต่อให้พึ่งเปิดบริษัทมาใหม่ๆ และไม่มีลูกค้าเลยแม้แต่รายเดียวก็ตาม

สิ่งที่แสนรู้ทำคือการเริ่มธุรกิจจาก 0 มีเพียงแค่สไลด์พรีเซนต์ คอมเก่าๆ หนึ่งตัว กับตัวผู้ก่อตั้งเองซึ่งมีทักษะการขายชั้นยอด กับความน่าเชื่อถือในตัวที่มี และนำเสนอประโยชน์ที่ลูกค้าได้รับหรือช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้ามีชีวิตที่ง่ายขึ้นได้ ในเมื่อต้นทุนทางธุรกิจคือเรี่ยวแรงของตัวเอง ทำให้ประหยัดงบประมาณไปได้มาก

คุณสามารถนำโมเดลธุรกิจนี้ไปใช้กับตัวเองได้เลย ถ้าคุณกำลังทำธุรกิจแบบ B2B อยู่ละก็.. ขอบอกข่าวดีเรื่องนี้เลยครับว่าคุณจะประหยัดเงินไปได้มาก แต่ต้องลงแรงแลกเพื่อออกไปขายให้มากขึ้นเช่นกัน

2. คุณควรโฟกัสกับ ‘ผลิตภัณฑ์’ ของธุรกิจคุณด้วยสิ่งที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ

ถ้าคุณอยากจะทำธุรกิจอะไรซักอย่างให้ ‘รวย’ ระดับร้อยล้านขึ้นไป ภายในเวลาไม่กี่ปี คุณจำเป็นต้องมองหาสินค้าที่มีองค์ประกอบของนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อช่วยให้ชีวิตของลูกค้านั้นง่ายขึ้น

ธุรกิจที่ต้องมีส่วนประสบของนวัตกรรมและเทคโนโลยี คงเป็นไปได้ยากมากถ้าคุณมีมุมมองเกี่ยวกับเรื่องนี้แบบเก่าๆ เช่น ธุรกิจด้านระบบคอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ขนาดใหญ่ ธุรกิจรถยนต์ อุตสาหกรรมหนัก ฯลฯ ซึ่งแต่ละธุรกิจจำเป็นต้องใช้เงินทุนมหาศาล เผลอๆ ต้องกู้แบงค์ระดับพันล้านขึ้นไป แล้วใครจะให้คุณกู้ล่ะครับ ในเมื่อตัวคุณเองนั้นยังไม่มีเครดิตที่เป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน หรือมีโมเดลธุรกิจที่ดีเลย ถ้าบ้านไม่รวยคงทำไม่ได้ (ฮา..)

ในเมื่อไม่มีเงินทุนขนาดนั้น นวัตกรรมใหม่ๆ ที่คุณสามารถสร้างสรรค์ได้ทันที เพียงแค่มีคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวคงหนีไม่พ้นผลิตภัณฑ์ด้านซอฟท์แวร์ ซึ่งเป็นผลิตผลจากไอเดียและสิ่งที่อยู่ในสมองของคุณ เพียงแค่นี้ก็สามารถเริ่มต้นธุรกิจได้แบบแสนรู้ สิ่งที่เหลือที่คุณควรทำนั่นคือทีมเขียนโปรแกรมขั้นเทพ นักขายที่เก่ง ไม่งั้นก็ทำเองซะเลย

3. เสาหลักที่สำคัญเรื่องการขาย จะทำให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้กลายเป็นคำว่าเป็นไปได้

ธุรกิจของแสนรู้ ทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้กลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้จาก ‘การขาย’ เป็นหลัก ยอดขายที่ได้มาคือเงินที่นำมาหล่อเลี้ยงเส้นเลือดใหญ่จนแสนรู้เติบโตมาและได้รับความเชื่อมั่นกับเงินลงทุนระดับ 200 ล้านขึ้นไปสำเร็จ

ถ้าคุณเป็นนักขาย เรื่องนี้จะเป็นข่าวดีให้กับคุณ เพราะการขายในธุรกิจแบบ B2B เรียกได้ว่าแทบจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างและกำหนดอนาคตขององค์กรได้เลย ถ้าคุณเป็นนักขายที่เก่งในธุรกิจ B2B ตัวคุณจะมีคุณค่าสูงมาก ซึ่งสิ่งนั้นจะส่งผลถึงเงินในกระเป๋าคุณอย่างแน่นอน

สำหรับคนที่ต้องการทำธุรกิจสตาร์ทอัพ สิ่งที่คุณต้องเรียนรู้ในฐานะผู้ก่อตั้งบริษัทคืออย่ามัวโฟกัสกับการได้เงินลงทุนจาก VC (Venture Capitalist) เพียงอย่างเดียว สิ่งที่คุณต้องฝึกฝนและเรียนรู้คือทักษะการขาย เพราะตัวคุณเองนั่นแหละที่จะต้องออกไปขายสินค้าในนามเจ้าของบริษัท นอกจากนี้ยังเป็นการเซฟต้นทุนของการลงทุนทำธุรกิจ พร้อมกับสร้างคุณค่าและความเชื่อมั่นให้กับธุรกิจของคุณด้วย

4. โทรวันละ 40-50 สายต่อวัน เพื่อทำนัดให้มากที่สุด สูตรลับของรายได้มหาศาล

สิ่งนี้เป็นสูตรลับของคุณไฟต์ CEO ของบริษัทแสนรู้เลยครับ และเป็นอีกเคล็ดลับของผมเช่นกันในการขายสินค้าให้กับลูกค้าใหม่ พร้อมกับทะยานให้เหนือกว่าคู่แข่ง ซึ่งสูตรลับนี้ก็ไม่ยากเลย

การโทรทำนัด (Cold-Calling) เป็นพื้นฐานที่นักขายทุกคนต้องเรียนรู้ สิ่งนี้คือหน้าต่างบานแรกของการเริ่มต้นธุรกิจและสร้างความต้องการให้กับลูกค้าเบื้องต้น การที่คุณมีประสิทธิภาพในการโทรทำนัดได้สูง จะทำให้คุณมีโอกาสขายสินค้าและเอาชนะคู่แข่งได้อย่างแน่นอน

วิธีการนั้นก็ง่ายๆ จงหาลีดรายชื่อบริษัทที่สินค้าของคุณน่าจะตอบโจทย์ และกระหน่ำโทรด้วยสคริปที่ดีวันละ 40 สายไปเลย เพราะคุณจะได้นัดวันละ 4 นัดอย่างต่ำแน่นอน (จากค่าเฉลี่ยที่ 10% เท่านั้น) ถ้าคุณเป็นนักโทรทำนัดขั้นเทพ เผลอๆ อัตราความสำเร็จจะกลายเป็น 20, 30, 40% ได้เลย ทำให้คุณได้นัดง่ายขึ้นเป็นกอง แถมยังเปิดโอกาสในการหาลูกค้าใหม่ได้อีกด้วย นี่คือวิธีพื้นฐานของคนที่ทำธุรกิจแล้วไม่มีพอร์ทเลยแม้แต่รายเดียว

5. ค้นหาลูกค้าที่ใช่ จะทำให้คุณทำงานง่ายขึ้น

ธุรกิจของแสนรู้ เป็นธุรกิจที่ตอบโจทย์ลูกค้าระดับองค์กรที่มีความใกล้ชิดกับผู้บริโภคเป็นหลัก การค้นหาลูกค้าที่ใช่ของแสนรู้จะต้องเป็นลูกค้าองค์กรที่ทำธุรกิจแบบ B2C ที่มีผลต่อลูกค้าในระดับมหภาพ (Mass) ซึ่งแต่ละเจ้าขายสินค้าให้คนทั้งประเทศใช้ จึงมีเสียงจากโลกออนไลน์ที่มีผลต่อแบรนด์อย่างมหาศาล

ดังนั้น ลูกค้าของแสนรู้คงไม่ใช่องค์กรที่ทำธุรกิจแบบ B2B แน่ๆ เช่น บริษัทขุดเจาะน้ำมัน บริษัททำระบบแอร์ในอาคาร บริษัทขายสินค้าให้สำนักงาน เป็นต้น สิ่งที่คุณเรียนรู้ได้จากเรื่องนี้คือก่อนโทรทำนัด คุณควรทำการบ้านเพื่อเตรียมข้อมูลประเมินว่าลูกค้าที่ใช่สำหรับคุณ พวกเขาทำธุรกิจอะไรกันบ้าง สิ่งนี้จะทำให้งานของคุณง่ายขึ้นเป็นกอง

ทำความรู้จักกับคุณไฟต์ ชิตพล มั่งพร้อม CEO บริษัท แสนรู้ ให้มากขึ้น คลิกเลย !!!

6. ปรับปรุงบุคลิกภาพและการแต่งกายของตัวเองให้มีความเป็นมืออาชีพที่สุด

ทางแสนรู้ ให้ความสำคัญกับการแต่งกายและการพัฒนาบุคลิกภาพของทีมงานอย่างมาก โดยเฉพาะตัว CEO เอง เพราะสิ่งนี้คือการสร้างความน่าเชื่อถือได้ง่ายที่สุด สมารถลงมือทำได้ทันที และเป็นการให้เกียรติลูกค้าอีกด้วย

การแต่งตัวและการวางตัวที่ดี เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้แสนรู้ได้รับความเชื่อมั่นจากนักธุรกิจระดับประเทศมาโดยตลอด ซึ่งนักธุรกิจแต่ละท่านจะให้ความสำคัญกับเรื่องการแต่งกาย การให้เกียรติ และการวางตัวเป็นอย่างมาก

สิ่งที่คุณต้องเรียนรู้ในฐานะนักขายและเจ้าของกิจการคือการแต่งกายให้เป็นมืออาชีพ วางตัวให้เหมาะสม และตรวจเช็คบุคลิกของตัวเองอยู่เสมอ ถ้าคุณพึ่งเริ่มเป็นนักขายหรือพึ่งเริ่มทำธุรกิจ สิ่งเหล่านี้จะเป็นความประทับใจแรกพบ (First Impression) จากลูกค้าอย่างง่ายๆ นำพาตัวคุณไปสู่การปิดการขายได้อย่างแน่นอน

7. ออกสื่อน้อยๆ ไปหาลูกค้าเยอะๆ 

เรื่องนี้อยากจะขอฝากไปถึงนักธุรกิจสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ไว้นะครับ สิ่งที่ทำให้แสนรู้มียอดขายที่เติบโตขึ้นทุกปี ส่วนนึงก็มาจากการทำตัว ‘Low Profile’ ของทางผู้ก่อตั้งบริษัท พวกเขาใช้เวลาน้อยมากกับการปรากฎตัวออกสื่อ ออกงานสัมมนาต่างๆ ดังนั้นก่อนหน้านี้ พวกคุณจึงไม่เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพวกเขาเท่าไหร่นัก

เพราะในฐานะของความเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ทุกคนรู้ดีว่าตราบใดที่ภารกิจยังไม่สำเร็จ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขานั้นคือ ‘เวลา’ ดังนั้นพวกเขาจึงใช้เวลาแทบทั้งหมดไปกับการ ‘อยู่กับลูกค้า’ มากกว่าการ ‘ออกสื่อ’ เพราะการอยู่กับลูกค้าหมายถึงเงินที่จะเข้ามาในกระเป๋า แต่การออกสื่อบ่อยๆ นั้นอาจจะได้ชื่อเสียงเพิ่มขึ้นก็จริง แต่ถ้าไม่ได้เงินเข้ากระเป๋ากลับมาก็ไม่มีประโยชน์

นักขายและเจ้าของธุรกิจจงเรียนรู้เรื่องนี้เอาไว้มากๆ นะครับ ตัวนักขายเองไม่ควรเสียเวลากับเรื่องที่นอกเหนือจากงานและให้ความสำคัญกับลูกค้าให้มากที่สุด อะไรไม่สำคัญให้ตัดไป เช่น การประชุมที่ไม่มีประโยชน์ พูดคุยกับลูกค้าโดยใช้เวลามากเกินไป เป็นต้น ส่วนตัวเจ้าของกิจการเองก็เช่นกัน คุณควรตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปแล้วจงออกตลาดเพื่อพบลูกค้าให้ได้มากที่สุด ไม่ใช่นั่งสั่งงานอยู่แต่ในห้องแอร์อย่างเดียว

8. ไม่จำเป็นต้องลงทุนสูง แต่ควรฝันให้ ‘ใหญ่’ เข้าไว้

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พิสูจน์แล้วว่าทำได้จริง ขอเพียงแค่ฝันให้ไกล ฝันให้ใหญ่ เอาให้ไกลจนเกือบจะเอื้อมมือไม่ถึงและวัดผลการลงมือทำเพื่อล่าฝันทุกครั้งด้วย ความฝันของแสนรู้เริ่มต้นจากเงินเพียงหมื่นต้นๆ (ซึ่งเป็นเงินจดทะเบียนบริษัทเท่านั้น) นอกนั้นคือการลงแรง 100% เพื่อออกไปขาย

ความฝันที่ยิ่งใหญ่และยังพอจับต้องได้จะทำให้คุณนั้นไม่ยอมแพ้ ต่อสู้และรับมือกับปัญหาที่เข้ามาได้เป็นอย่างดีจนกลายเป็นปัญญาและประสบการณ์ นี่คือ ‘ห้องเครื่อง’ ที่ทำให้แสนรู้นั้นเติบโตมาโดยตลอด

คุณเองก็เช่นกัน ถ้าต้องการทำอะไรซักอย่าง จงประกาศเป้าหมายให้ใหญ่จนเกือบเอื้อมไม่ถึงและกล้าที่จะฝัน เช่น ฉันจะเป็นเซลล์ร้อยล้าน ค่าคอมหลักล้าน ได้ทำงานบริษัทระดับโลกภายใน 3 ปี หรือ ฉันจะปั้นธุรกิจให้ได้ยอดขาย 30 ล้านบาทภายใน 1 ปี จากระบบทีมขายที่สามารถวัดผลได้ ทำได้จริง เป็นต้น

9. จงเชื่อผู้นำและเดินตามรอยผู้นำที่เก่งกาจ

เรื่องนี้คือประสบการณ์ชีวิตของผมเลย นี่คือวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะทำให้คุณเก่งขึ้น แข็งแกร่งขึ้น เชี่ยวชาญขึ้น

ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 3 ปีก่อน เป็นวันที่ผมเจอกับคุณไฟต์ ชิตพล มั่งพร้อม ประธานกรรมการบริหารของบริษัทแสนรู้เป็นครั้งแรก หลังจากวันนั้นชีวิตผมก็เปลี่ยนไปเลย จากนักขายธรรมดา กลายเป็นคนที่ทำเพจแชร์สิ่งที่อยู่ในหัวให้พวกคุณอ่านได้ทุกวันอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยนี่แหละครับ

เพราะเค้าคือคนที่ทำในสิ่งที่คนรุ่นผมไม่กล้าแม้แต่จะคิดจนสำเร็จให้ดู สิ่งนั้นจึงทำให้ผมอยากที่จะมีความสามารถให้เหมือนกับเขา ผมจึงเปิดใจและเทน้ำที่เต็มแก้วทิ้งไป เรียนรู้และศึกษาสิ่งที่คนเก่งทำแล้วเอามาประยุกต์ใช้กับชีวิตของตัวเอง จนประสบความสำเร็จและเป็นส่วนหนึ่งของ ‘แสนรู้’ ที่ทำให้ผมกล้าที่จะฝันในการเป็นนักขาย Gen-Y ที่มีโอกาสได้ทำธุรกิจกับต่างประเทศ จากที่เมื่อก่อนผมเป็นแค่เซลล์ตัวเล็กๆ ในองค์กรที่ล้มเหลว

แล้วพวกคุณล่ะครับ เจอผู้นำหรือไอดอลที่คุณจะนำพวกเขามาเป็นแบบอย่างกันหรือยัง? ถ้ายัง? จงมองหาและสร้างคอนเน็คชั่นใหม่ๆ ด้วยมือคุณเดี๋ยวนี้เลย ชีวิตคุณจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงแน่นอน

เป็นยังไงกันบ้างล่ะครับสำหรับเรื่องราวในวันนี้ ทางเพจเซลล์ร้อยล้านขอภูมิใจเสนอ ผมได้แกะรอยหยักสมองเพื่อเป็นสาธารณะประโยชน์ให้กับทุกคนครับ ผมเชื่อว่าทุกคนสามารถก้าวไปสู่จุดที่สูงขึ้นได้ เพียงแค่มีความฝัน ลงมือทำ และวัดผลของการกระทำพร้อมกับปรับปรุงให้ดีขึ้นอยู่เสมอ ถึงเวลานั้นคุณจะไม่แพ้ใครหน้าไหนแน่นอน

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts

ใส่ความเห็น