คุณสมบัติที่ CRM ต้องมีก่อนตัดสินใจซื้อมาใช้

หลายๆ คนคงรู้แล้วว่า CRM มีข้อดีอย่างมากสำหรับทีมขาย ซึ่งมันล้ำหน้ากว่าการใช้รายงานการขาย (Sale Report) ด้วยไมโครซอฟท์เอ็กเซลล์ แบบเทียบไม่ติด พูดง่ายๆ คือมันทำให้การนั่งกรอกรายงานการขายอันแสนน่าเบื่อและทีมขายมักจะไม่ค่อยอยากทำให้ละเอียดมากนัก เพราะยิ่งละเอียดก็ยิ่งกินแรง ให้มันเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น

สำหรับคนที่กำลังอ่าน ถ้าองค์กรของคุณเป็นบริษัทระดับโลกหรือยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรม พวกเขาคง “บังคับ” ให้คุณได้ใช้ระบบ CRM กันอยู่แล้ว (ฮา) แต่ถ้าคุณเป็นผู้บริหารทีมขายหรือเจ้าของกิจการ การหันมาพิจารณา CRM ที่ใช้อยู่เพื่อลองสิ่งใหม่ๆ ที่ดีกว่าก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน คงจะดีมากๆ ถ้ามันถูกกว่าของเดิมและใช้ง่าย

ผมจึงขอพูดถึงคุณสมบัติที่คุณต้องมองหาก่อนพิจารณาเลือกซื้อ CRM หรือทดลองเปลี่ยน CRM ที่เคยใช้อยู่แล้วมาเป็นของใหม่ที่ดีกว่าเดิมเพื่อทำให้ทีมขายทำงานได้ง่ายขึ้น ส่งผลต่อยอดขายที่ดีขึ้นในอนาคตครับ

1. ราคาต้องสอดคล้องกับผลประกอบการของบริษัท

มีระบบ CRM เอาไว้ให้ทีมขายใช้นั้นดีแน่ แต่มันคงไม่ดีแน่ๆ ถ้าราคาของ CRM โดยเฉพาะจากบริษัทระดับโลกนั้นมีราคาแพงที่แพงหูฉี่ ต่อให้คุณสมบัติเทพแค่ไหน แต่ผลประกอบการของบริษัทไม่ได้ใหญ่โต การลงทุนในเรื่องนี้คงเปรียบได้กับ “ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ” ถ้ามีงบประมาณไม่มากก็ควรเลือก CRM ที่มีจุดเด่นด้านราคาก่อน ส่วนคุณสมบัติก็เอาไว้เป็นเรื่องรองลงมา เพราะราคาถูกและคุ้มค่าก็ถือว่าเป็นคุณสมบัติที่ดีของสินค้าเช่นกัน

2. รองรับการทำงานแบบเรียลไทม์ (Real-Time)

เป็นสิ่งที่ต้องมีสำหรับ CRM ยุคใหม่ เรียลไทม์คือการเพิ่มข้อมูลหรือเปลี่ยนสถานะต่างๆ ใน CRM ระบบจะต้องทำการเปลี่ยนแบบ “ทันที” ไม่เหมือนกับยุคเก่าๆ ที่กว่าข้อมูลจะเปลี่ยนแปลงก็จะต้องรอให้มีการเซฟและส่งไฟล์ล่าสุดไปที่ส่วนกลางเพื่อรอให้คนถัดไปเข้าไปเปลี่ยนข้อมูลใหม่ ธุรกิจในยุคนี้จะต้องทำได้แบบทันทีและไม่เสียเวลา

3. มีหน้างานติดตาม (Sales Follow up) ที่ใช้งานง่าย

หน้าติดตามงานคือส่วนที่เพิ่มเติมจากสถานะในไปป์ไลน์แต่ละอันเพื่อช่วยให้ทีมขายสามารถวางแผนการทำงาน (Action Plan) ว่าจะติดตามงานกับลูกค้าแต่ละรายในวันไหน เวลาใด และมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง พร้อมกับมีระบบแจ้งเตือนเมื่อใกล้ถึงเวลาที่นักขายได้วางแผนเอาไว้ด้วยการส่งข้อมูลผ่านอีเมล์เพื่อไม่ให้พลาดเรื่องการติดตามงาน คุณสมบัตินี้มีประโยชน์มากและจะทำให้นักขายไม่หลุดเรื่องการติดตามงาน ส่งผลให้ลูกค้าจดจำนักขายและตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น

4. รองรับการทำงานด้วยระบบคลาวด์

ระบบ CRM ควรตั้งอยู่ในระบบคลาวด์ (Cloud) ที่ขอให้มีอินเทอร์เน็ตก็สามารถเข้าไปดู CRM และเปลี่ยนสถานะรายงานการขายได้จากที่ไหนก็ได้ เวลาใดก็ได้ ผู้จัดการสามารถเห็นสถานะการขายได้ทันที ความสำคัญอีกประการของระบบคลาวด์คือเมื่อลูกน้องของคุณลาออกหรือมีการเพิ่มนักขายเข้าไปในทีม ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับลูกค้าก็จะอยู่กับคุณตลอดไป ไม่ได้หายไปพร้อมกับนักขายที่ลาออกไปแล้ว ที่สำคัญคือคนใหม่สามารถเข้ามาสานงานต่อจากนักขายคนเก่าได้แบบทันที ไม่ต้องเสียเวลามานั่งทำนัดใหม่ให้เสียเวลา

5. มีแผงบริหาร (Dashboard) ที่มองเห็นภาพรวมทุกอย่างแบบง่ายๆ 

เพราะช่วยให้ผู้บริหารเห็นสถานะงานของทีมขายแต่ละคนได้ง่ายๆ แถมยังเห็นทุกขั้นตอนตั้งแต่กิจกรรมที่ทำ จำนวนใบเสนอราคา จำนวนครั้งที่ Win Lost เข้ามาช่วยประกอบการตัดสินใจและเข้าไปช่วยวางแผนการทำงานแก่ทีมขายของคุณ ฝั่งทีมขายเองก็สามารถเห็นสถานะงานของตัวเอง พร้อมโอกาสการขายที่สามารถนำไปช่วยวางแผนการตามลูกค้าที่เปิดใบเสนอราคาทิ้งไว้และยังไม่ผิดการขายได้เช่นกัน

6. สามารถทำใบเสนอราคาให้ลูกค้าได้ทันที

“ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน” โดยเฉพาะเมื่อลูกค้าบอกความต้องการว่าอยากได้ การออกใบเสนอราคาแล้วให้พวกเขาจับเซ็นต่อหน้าจะสามารถปิดการขายได้ตั้งแต่เจอหน้าครั้งแรกเลย ดังนั้น CRM ที่ดีควรรองรับการทำใบเสนอราคาแบบออนไลน์และสามารถส่งให้ลูกค้าได้เลย ไม่ว่าจะทางอีเมล์หรือส่งรูปให้ลูกค้าเอาไปปรินต์ก็สามารถทำได้ทั้งนั้น

นี่คือคุณสมบัติที่ CRM ยุคใหม่ต้องมีก่อนที่คุณจะตัดสินใจเลือกซื้อนะครับ แต่ถ้ายังไม่รู้ว่าจะเลือกใช้ตัวไหนดี เซลล์ร้อยล้านมีของดีจะแนะนำคือ JUBILI BY BUILK ซึ่งคุณสามารถทดลองใช้ได้ฟรีด้วยการ คลิก ได้เลยครับ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts

ใส่ความเห็น