รูปร่างและหน้าตา..มีผลต่อการขายแบบองค์กรหรือไม่
เซลล์ร้อยล้าน เคยทำงานเป็นนักขายในอุตสาหกรรมไอทีมาก่อน ซึ่งอุตสาหกรรมนี้จะต้องมีบุคคลที่เกี่ยวข้องจากสายงานด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์เป็นหลัก ทำให้มีประชากร “มนุษย์ผู้ชาย” ทั้งในฝั่งลูกค้าและฝั่งของบริษัทผมเอง พูดง่ายๆ ก็คือมีกลุ่มชายฉกรรจ์ (ฮา) คร่ำหวอดอยู่ในวงการนี้เป็นจำนวนมาก
แน่นอนว่าธุรกิจที่มีผู้ชายเป็นแกนนำ มักจะมีความ “โหด มัน ฮา” กันตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว โดยเฉพาะคณะวิศวกรรมศาสตร์ ที่นอกจากเรื่องเรียน คงหนีไม่พ้นเรื่องกินเหล้า เล่นเกม และ “หลีสาว” (ฮา)
เนื่องจากวงการด้านวิศวกรรม และอีกหลายๆ วงการที่มีกลุ่มผู้ชายเป็นหลัก มักจะมีแต่เหล่าผู้ชายเป็นจำนวนมาก จึงไม่แปลกที่เวลาเจอสาวๆ น่ารัก โดยเฉพาะ “นักขายสุภาพสตรี” ที่หน้าตาดี แต่งตัวเซ็กซี่ จะดึงดูดความสนใจชาวเรามากเป็นพิเศษ เรียกได้ว่ายิ้มอ่อนๆ ตั้งแต่น้องนักขายเดินเข้ามาในออฟฟิศแล้วล่ะครับ (ฮาอีกรอบ)
จึงไม่แปลกที่บริษัททั้งเล็กและใหญ่ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับโครงการขนาดใหญ่หรือวงการที่มีผู้ชายที่เกี่ยวข้องจะมีความนิยมในการจ้างนักขายสุภาพสตรี แถมหลายๆ บริษัทยังมีเรื่องของการ “คัดหน้าตา” เลยเถิดไปถึง “ความเซ็กซี่” เพราะคิดว่านักขายที่มีความดึงดูดต่อเพศตรงข้ามมากขึ้นเท่าไหร่ ย่อมส่งผลต่อการขายที่ทำให้ลูกค้าเปิดใจมากขึ้นเท่านั้น คุณเห็นด้วยกับผมหรือไม่ครับ
ผมจึงขออธิบายเรื่องนี้ให้ละเอียดอีกครั้งหนึ่ง เพราะการโฟกัสเรื่องหน้าตาหรือความเซ็กซี่มากเกินไป บางทีอาจส่งผลเสียต่อการขายอย่างที่คุณคาดไม่ถึงเลยก็ว่าได้ มาดูกันเลยครับว่าทำไม
1. มองข้ามเรื่องหน้าตาสวยหล่อหรือหุ่นดีไปได้เลย
การจ้างนักขายใหม่โดยคำนึงแต่เรื่องหน้าตาว่าจะต้องสวย ต้องหุ่นดี ต้องหล่อ มากเกินไป แล้วมองข้ามคนที่ไม่ได้เกิดมาโชคดี มีหน้าตาที่สวยหล่อ ถือว่าเป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์ของผู้ว่าจ้างเลยก็ว่าได้ เพราะแก่นแท้ของการขายทุกอย่างบนโลกนี้นั้นจะต้องเริ่มต้นจาก “ความน่าเชื่อถือ” ซึ่งสำคัญกว่าเรื่องหน้าตา ไม่งั้นนักขายที่หน้าตาไม่ดีก็คงไม่ได้เป็นท็อปเซลล์กันแล้วล่ะครับ ไม่ใช่ลองไปดูขั้นเทพในบริษัทของคุณดู หลายๆ คนไม่ได้จำเป็นที่จะต้องหล่อหรือสวย พวกเขาขายได้เพราะฝีมือและความเป็นมืออาชีพ ไม่จำเป็นต้องพึ่งแต้มบุญเหล่านั้นเลยครับ
2. การแต่งตัวที่เซ็กซี่เกินไปอาจทำให้คุณสูญเสียความน่าเชื่อถือต่อหน้าลูกค้า
ข้อนี้ผมขอเตือนสุภาพสตรีและนายจ้างที่คิดว่าการแต่งตัวที่สวย โฉบเฉี่ยว เซ็กซี่จนเกินพอดี โดยที่คุณคิดไปเองว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยดึงดูดลูกค้า โดยเฉพาะเพศตรงข้ามให้เปิดใจหรือชอบคุณมากยิ่งขึ้น ขอบอกเลยว่าคุณกำลังคิดผิดถนัด ที่สำคัญคือการแต่งกายที่ค่อนข้างล่อแหลม เช่น กระโปรงสั้นและฟิตเกินไป ชุดคอกว้างที่เปิดเผยความเด่นของหน้าอกมากเกินไป จะดึงดูดแค่ลูกค้าให้สนใจแต่เรื่องตัวคุณ แต่ไม่ได้สนใจคุณค่าของสินค้าและบริการที่คุณนำเสนอ ที่สำคัญคือลูกค้าเพศเดียวกันกับคุณอาจจะนินทาคุณอยู่ในใจว่าคุณแต่งตัวไม่รู้จักกาละเทศะ หรือลูกค้าเพศชายระดับผู้มีอำนาจตัดสินใจหลายๆ ท่านที่เป็นผู้ใหญ่และมีจิตสำนึกที่ดี ก็อาจจะไม่ชอบสิ่งที่คุณทำเช่นกัน
3. นักขายคือนักธุรกิจ ไม่ใช่วัตถุทางเพศ
การสอนให้นักขายใช้ทักษะส่วนตัว เช่น การพูดเก่ง หยอกล้อ เข้ากับเพศตรงข้ามได้ง่าย สามารถคุยหรือทำกิจกรรมนอกสนามกับลูกค้าได้ทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องกินเหล้า หรือทำอะไรที่มัน “เลยเถิด” เกินกว่านั้น จริงๆ แล้วเป็นเรื่องที่มีผลต่อการขายเพียงน้อยนิดเท่านั้น เรื่องเหล่านี้จะไม่ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อเลยแม้แต่น้อย ลูกค้าย่อมอยากคุยกับนักธุรกิจที่มีความน่าเชื่อถือ แต่งกายมีกาละเทศะ ภูมิฐาน พูดคุยในมุมมองเชิงธุรกิจที่ดูฉลาดและหลักแหลม มีประโยชน์กับพวกเขามากกว่า
ถ้าตัวนักขายเองยังคงมีภาพลักษณ์ที่ไม่น่าเชื่อถือ ทำงานไม่มีความเป็นมืออาชีพ ขาดการติดตามงาน และไม่สามารถนำเสนอให้ลูกค้ามีความต้องการได้ ที่สำคัญคือการใช้เสน่ห์ยั่วยวนลูกค้าเพศตรงข้ามมากเกินไปนั้นจะทำให้คุณถูกมองว่าเป็น “วัตถุทางเพศ” ซึ่งบางทีคุณอาจไม่รู้ตัวว่าเวลาเดินเข้ามาพบลูกค้า เหล่าทีมงานลูกค้าอาจจะคิดในใจกับคุณแบบหื่นๆ แถมยังตัดสินว่าคุณมีค่าแค่ทำให้พวกเขาแทะโลมด้วยสายตา แล้วเอาไปพูดกันเองแบบสนุกปากลับหลังเกี่ยวกับตัวคุณ
4. รูปร่างและหน้าตาที่ดีจะมีผลแค่ความประทับใจแรกพบเท่านั้น
ถ้าคุณเกิดมามีหน้าตา รูปร่าง บุคลิกที่ดี ผมก็ขอยินดีด้วยนะครับว่าคุณเกิดมาโชคดี จงรักษาความโชคดีเหล่านี้ไว้นานๆ นะครับ เพราะข้อดีของเรื่องนี้คือการทำให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจหรือมีความรู้สึกดีๆ กับคุณตั้งแต่แรกพบ (First Impression) ซึ่งถ้าคุณทำงานได้ดี พูดดี มืออาชีพ พวกเขาจะยิ่งเปิดใจให้คุณแบบทวีคูณ แต่ถ้าตกม้าตายตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้ากัน เช่น มาสาย ยุกยิก ปากไม่ดี พูดแต่เรื่องโง่ๆ แคะขี้มูก ฯลฯ ภาพดีๆ เหล่านั้นก็จะพังทลาย หมายความว่าหน้าตาและรูปร่างที่ดี อาจจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย
ส่วนคนที่เกิดมาหน้าตาหรือมีรูปร่างที่ไม่ดี คุณไม่ต้องเสียใจไปนะครับ คุณสามารถ “พัฒนาตัวเอง” ให้มีความเป็นมืออาชีพและน่าเชื่อถือได้ด้วยการตัดผมให้เหมาะกับรูปหน้า ดูแลสภาพผิวหน้าให้สดใส รักษาความสะอาดของเนื้อตัว เล็บ และกลิ่นปาก แต่งตัวให้ดูสมาร์ทเหมือนนักธุรกิจมืออาชีพ ฝึกการควบคุมบุคลิกภาพอยู่เสมอ มุ่งเน้นไปที่การทำงานแบบมืออาชีพ ติดตามงานอย่างสม่ำเสมอ มีความรับผิดชอบ หมั่นศึกษาหาความรู้เชิงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าและสินค้ากับบริการของคุณ เพียงเท่านี้คุณก็มีสิทธิ์ประสบความสำเร็จและไม่ต้องไปก้มหน้าโทษโชคชะตาเกี่ยวกับหน้าตาแล้วครับ ถ้าคุณสำเร็จ คุณก็จะมีเงิน ที่สำคัญคือทุกคนจะนับถือคุณจากความสามารถอย่างแท้จริง
ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าการขายและการทำธุรกิจ หน้าตากับรูปร่างมีผลเพียงแค่น้อยนิดเท่านั้น การซื้อขายขึ้นอยู่กับคุณค่า ความต้องการ ผลประโยชน์เป็นหลัก ซึ่งแทบจะไมไ่ด้มีอะไรที่เกี่ยวกับหน้าตาเลย ดังนั้นจงอย่าเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอันขาดว่าคุณจะต้องจ้างทีมขายที่เน้นหน้าตา รูปร่าง หรือทำตัวให้ดึงดูดแต่ไม่พัฒนาทักษะด้านการขายเลย บริษัทหลายแห่งทำพลาดในเรื่องนี้มานักต่อนักแล้ว
Comments
0 comments