เมื่อคุณไม่ต้องการกงสีที่บ้าน แต่อยากทำธุรกิจของตัวเอง คุณควรทำอย่างไร

เมื่อวานผมได้เขียนถึงวิธีการปรับตัวให้เข้ากับธุรกิจกงสีในยุคปัจจุบันไปเรียบร้อยแล้วนะครับ วันนี้จึงขอเขียนอีกมุมหนึ่ง ซึ่งเป็นมุมมองที่ผมยึดถืออยู่ในปัจจุบันนี้ คือตัวผมเองก็ไม่ได้พึ่งพาธุรกิจแบบกงสีที่บ้านเลย ผมเลือกหนทางของชีวิตด้วยการออกมาทำอะไรเป็นของตนเองมากกว่า

มันเป็นประสบการณ์ที่ต้องฝ่าฟันและเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของชีวิต ใครไม่เจอกับตัว ก็คงไม่รู้หรอกครับ ภาพของธุรกิจแบบกงสีมันไม่ได้สวยงามขนาดนั้น “เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ”

ความอึดอัดและคับข้องใจสำหรับเด็กรุ่นใหม่ที่ยังอยู่ภายใต้ร่มเงาของธุรกิจกงสีก็คือ “อิสรภาพ” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอำนาจการตัดสินใจ ทิศทางในการดำเนินธุรกิจ การใช้เงินในเรื่องต่างๆ เลยเถิดไปถึงเรื่องชีวิตส่วนตัวของคุณด้วยซ้ำ เช่น การถูกจับคลุมถุงชน การที่ป๊ากับม๊าคอยบงการชีวิตคุณทุกอย่างไม่เว้นแม้กระทั่งการทำงานหรือการหาคู่ชีวิต เป็นต้น

เรื่องนี้จึงกลายเป็นประเด็นของคนรุ่นใหม่ที่เริ่มเห็นสไตล์การชีวิตแบบอเมริกันที่เน้นเรื่องอิสระในการใช้ชีวิตหรือแม้แต่การทำธุรกิจแบบสร้างมากับมือ (Self-Made) ตามใจฝัน มันจึงเป็น “อีกหน้าหนึ่งของชีวิต” ที่หลายๆ คนอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องทำอย่างไรถึงจะผ่านไปได้อย่างไรถึงจะมีความสุขกับชีวิต มาอ่านกันเลยครับ

1. ถามตัวเองให้ดีก่อนว่าสามารถออกไปใช้ชีวิตด้วยลำแข้งของตัวเองได้มั้ย

การตัดสินใจออกจากธุรกิจกงสีของบ้านตัวเอง ถือว่าเป็นสิ่งที่ยากลำบากยิ่งกว่าการลาออกจากงานบริษัทเสียอีกครับ เรียกได้ว่าเทียบกันไม่ได้เลย เพราะคุณจะต้องฝ่าฟันกับคำครหาที่บ้านคุณในฐานะ “แกะดำ” แรงกว่านั้นคือ “ไอ้ลูกไม่รักดี” “ไอ่เนรคุณ” ฯลฯ (เชื่อผมเถอะครับเพราะผมโดนมาหมดแล้ว) ซึ่งก็ไม่ผิดเพราะผู้ใหญ่มองว่าพวกเขาได้ส่งเสียเลี้ยงดูคุณอย่างเต็มที่ การปฎิเสธกงสีโดยเฉพาะในฐานะผู้สืบทอด ย่อมหมายถึงคุณกำลังกลายเป็น “คนทรยศ” ในสายตาของพวกเขา เจอคำด่า คำดูถูก การเข้าใจผิดที่รุนแรงแบบนี้ ถามหน่อยเถอะครับว่าคุณรับได้ไหม

คุณจะต้องเริ่มถามตัวเองและตอบคำถามทั้งหมดให้ชัดเจนเพื่อการตัดสินใจอย่างรอบคอบและแน่วแน่ ดังนี้

  • คุณมีงานประจำหรือเงินทุนส่วนตัวมากพอที่จะเริ่มทำอะไรเป็นของตัวเองได้

  • คุณกล้าเสี่ยงและสามารถใช้ชีวิตอยู่คนเดียวโดยไม่พึ่งพาเงินที่บ้านได้

  • คุณมั่นใจความรู้และความสามารถของคุณในการออกมาทำงานหรือทำธุรกิจคนเดียว

  • คุณมีแฟนที่มั่นคงและมั่งคั่งพอที่จะดูแลชีวิตและก้าวไปพร้อมกับคุณได้

  • คุณมีแฟนที่ดี ทำงานเก่ง มีความสามารถ สไตล์อเมริกัน

  • คุณโสดและเชื่อว่าชีวิตนี้ไม่ต้องพึ่งพาคู่ชีวิตก็สามารถดูแลตัวเองได้

  • คุณคิดว่าการที่ประสบความสำเร็จได้ด้วยตนเองเป็นคนละเรื่องกับการอกตัญญูหรือเป็นแกะดำ

  • คุณเชื่อว่าคุณสามารถรวยได้ในหนึ่งชีวิตที่มีอยู่

  • คุณมีการศึกษาที่ดี มีใบปริญญาคุณภาพที่สามารถหางานเองได้ไม่ยาก

  • คุณจะไม่ทนการถูกกระทำอย่างไร้คุณค่า โดนดูถูก จากบุคคลในครอบครัวอีกต่อไปแล้ว

  • คุณรักอิสระและอยากจะทำอะไรเป็นของตัวเองตามความฝัน

  • คุณอยากติดปีกแห่งอิสรภาพและอยากจะทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ เพราะชีวิตเกิดมาเพียงครั้งเดียว!

ถ้าคำถามด้านบนถูกตอบออกมาและคุณเห็นด้วยกับสิ่งที่ผมเขียนทั้งหมด คุณคงชัดเจนแล้วครับว่าชีวิตนี้ควรออกมาเดินในเส้นทางความฝันของคุณได้แล้ว คุณคือเจ้าของชีวิตตนเอง คุณเกิดมาเพียงครั้งเดียว การออกไปโผบินด้วยกำลังและความสามารถอย่างตั้งใจ ไม่มีใครหรอกครับที่จะคอยจ้องขย้ำคุณ ความสำเร็จจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกเรื่องนี้

2. จงอย่าคิดที่จะทำธุรกิจทับเส้นกับกงสีของตัวเอง

นี่คือเรื่องเนรคุณของจริงในชีวิตล่ะครับ คือผมเข้าใจดีว่าหลายๆ ครอบครัวเมื่อคิดจะแยกธุรกิจกงสีออกมาทำกิจการส่วนตัว ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี ในเมื่อโตมากับกงสีของที่บ้าน ความรู้ความเข้าใจจากธุรกิจกงสีจึงเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดในการลงมือทำ หลายๆ ครอบครัวจึงมักแยกตัวออกมาทำอะไรที่คล้ายๆ หรือเหมือนกับกงสีของตัวเอง จนทำให้หลายครั้งเป็นปัญหาบานปลายใหญ่โต ถึงกับมีความขัดแย้ง คดีความ หรือแม้แต่การลอบสังหารกันเองภายในครอบครัวเลยก็ว่าได้ เรื่องเงินมันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ ถ้าแน่จริงก็อย่าทำเลยครับ เดี๋ยวจะโดนหาว่าเป็นไอ้ลูกหลานจัญไรได้นะครับ อกตัญญูของจริงเลยทีเดียว

3. เริ่มสร้างความรู้ความเข้าใจทางธุรกิจด้วยการสมัครงานเป็นพนักงานขาย

อย่างที่ผมบอกไปแล้วว่าคุณมาจากครอบครัวที่ทำธุรกิจแบบกงสีเท่านั้น เป็นไปได้ว่าถ้าคุณต้องทำธุรกิจอย่างอื่น ประสบการณ์ในธุรกิจกงสีอาจช่วยคุณได้เพียงน้อยนิดเท่านั้น ดังนั้น การออกมาสู้ด้วยตัวคนเดียวแล้วเลือกทำงานในตำแหน่งพนักงานขาย โดยเฉพาะงานขายแบบองค์กร (B2B) ในธุรกิจที่ยิ่งใหญ่กว่ากงสีบ้านคุณซัก 10-100 เท่า ย่อมเป็นทางเลือกทีดีกว่าในการได้ประสบการณ์ทำงานแบบที่ป๊าและม๊าคุณก็สอนไม่ได้ แถมยังมีระบบการขายที่สามารถวัดผลได้ การเรียนรู้ธุรกิจด้วยการเป็นตั้งแต่นักขายฝึกหัดไปจนถึงนักขายมืออาชีพย่อมเหมือน “โรงเรียนชีวิต” ที่ดีที่สุดในการได้ประสบการณ์มากพอที่จะเริ่มทำธุรกิจเป็นของตัวเองและไม่ชนกับกงสีในอนาคต

4. มองหาเมนเตอร์ (Mentor) ที่เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและออกจากกงสีเหมือนกับคุณ

การเรียนรู้กับผู้ที่ประสบความสำเร็จแล้ว โดยเฉพาะนักขายหรือนักธุรกิจที่มีภูมิหลัง (Background) คล้ายๆ กับคุณย่อมเป็นทางลัดที่เร็วที่สุดในการประสบความสำเร็จด้วยตนเอง อีกทั้งยังสามารถแบ่งปันประสบการณ์ โดยเฉพาะความเจ็บปวดที่คุณกำลังประสบอยู่จากคำด่าและคำดูถูกจากครอบครัวกงสีของคุณ ช่วงนี้จะเป็นสภาวะที่หนักหน่วง ซึ่งคนที่สามารถเข้าใจได้ดีที่สุดก็คือเมนเตอร์ของคุณเองนี่แหละครับ กำลังใจที่ดี รวมถึงวิธีการทำงานที่ถูกต้องจะช่วยคุณไปถึงจุดที่ประสบความสำเร็จได้แน่นอน โดยเฉพาะธุรกิจที่คุณสร้างมาเองกับมือ

5. จงแชร์เรื่องราวความสำเร็จให้คนในครอบครัวได้รับรู้อย่างสม่ำเสมอในแง่บวก

เมื่อคุณเริ่มเข้าใกล้ความสำเร็จแล้ว ธุรกิจสามารถไปได้ดี พลังใจก็มีอยู่อย่างล้นเหลือ รวมถึงการควบคุมพลังด้านลบจากคำดูถูกและคำด่าจากคนในครอบครัวจนกลายเป็นพลังสำคัญในการลงมือทำย่อมเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะคุณกำลังกลายเป็นนักธุรกิจที่มีภูมิหลังอันยอดเยี่ยม มีดราม่าชีวิตซึ่งเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็อยากฟัง เพียงแต่ขอเตือนว่าอย่าเอาพลังด้านลบไปลงกับสื่อสังคมออนไลน์ เช่น โพสต์เฟสบุ้คแนวประชดคนใกล้ตัวว่าคุณเจ๋ง เทพ หรืออวดความสำเร็จโดยใช้คำพูดที่ไม่ดี เป็นต้น นอกจากจะไร้ประโยชน์แล้วยังทำให้คนเหล่านั้นเกลียดชังคุณเพิ่มขึ้น ถ้าพวกเขาเป็นแค่เสียงนกเสียงกา คุณคงไม่ใส่ใจเท่าไหร่ แต่พวกเขาเป็นคนสายเลือดเดียวกัน ดังนั้นคุณต้องแคร์

จงแชร์มุมมองเชิงบวกโดยใช้คำพูดที่ดี โลกสวย โฟกัสไปที่เนื้องานที่ทำมากกว่าการคุยโม้โอ้อวดหรือโพสต์แนวประชดประชัน จงโฟกัสกับตัวเองว่าคุณทำอย่างไรถึงได้ผลลัพธ์ที่ดี พยายามมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับคนในครอบครัวหรือญาติที่มีความรู้สึกดีๆ กับคุณแบบจริงใจ แบ่งปันเรื่องราวเหล่านี้ให้กับพวกเขา พวกเขาจะเอาไปบอกหัวหน้ากงสีของคุณเอง เชื่อผมเถอะว่าระยะยาวพวกเขาย่อมยินดีไปกับความสำเร็จของคุณ เมื่อคุณสำเร็จแล้ว จงกลับไปที่บ้านแล้วกล่าวขอบคุณพวกเขาอย่างสง่าผ่าเผยและจริงใจ พวกเขาจะยอมรับและเชื่อมั่นคุณอย่างแน่นอน

นี่คือประสบการณ์ส่วนตัวของผมเองครับที่เลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง ผมทำสำเร็จในขณะที่อายุไม่มากและไม่ประมาทในการใช้ชีวิต เมื่อผมกลับไปพบกับครอบครัว ผมได้รับความนับถือและความยินดี กลับไปตอบแทนบุญคุณส่วนที่สามารถทำได้ เพราะยังไงสายเลือดย่อมข้นกว่าน้ำครับ 

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts

ใส่ความเห็น