เทคนิคการเป็นเซลล์ขายรถแบบมืออาชีพ (พิเศษสำหรับช่วง Motor Expo)
ตลาดรถยนต์ ไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีหรือจะแย่ ก็ยังเป็นตลาดที่หอมหวานและมีผลประโยชน์มหาศาลอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่น แบรนด์ยุโรป รถสปอร์ต รถซุเปอร์คาร์ ก็ถือว่ามีการซื้อขายทั้งมือ 1 และมือ 2 กันอย่างคึกคัก มีการแข่งขันกันอย่างสูงและขับเคี่ยวกันอย่างเมามันส์
‘เซลล์ขายรถ’ จึงมีบทบาทสำคัญที่จะหยิบจับ ‘ผลประโยชน์’ ในตลาดนี้เข้ากระเป๋าของแบรนด์และตัวเองเช่นกัน (ฮา..) แต่ก็อีกนั่นแหละ อะไรที่มีผลประโยชน์มหาศาลก็ย่อมมี ‘คู่แข่ง’ เขี้ยวๆ เข้ามาคอยต่อสู้กับคุณตลอดเวลา
ดังนั้นการมีทักษะการขายและฝึกฝนตัวเองเพื่อเป็นเซลล์ขายรถแบบมืออาชีพจะเป็นสิ่งที่คุณมองข้ามไม่ได้เลย เรามาลองเรียนรู้เทคนิคการขายรถจากผมกันดีกว่า ซึ่งอาชีพอื่นก็นำไปประยุกต์ใช้ได้ด้วย
1. ทักทายลูกค้าอย่างจริงใจ เป็นกันเองและสร้างความใกล้ชิดกับลูกค้า
เป็นเรื่องเบสิกที่เซลล์ทุกคนต้องลงมือทำอยู่แล้ว การวางท่าหยิ่งยะโสตามมูลค่าของรถนั้นไม่ได้ช่วยให้คุณขายดีขึ้นแต่อย่างใด ลูกค้าเดินเข้ามาเพื่อเอาเงินมาให้ คุณต้องรีบเข้าไปทักทายและบริการทันที ไม่ว่าพวกเขาจะอายุเท่าไหร่ ดูมีตังหรือไม่มีตัง หรือแค่มาดูเฉยๆ คุณก็ควรแสดงความเป็นมืออาชีพของการเป็นเซลล์ให้มากที่สุด
อย่าคิดในใจและแสดงอาการจงบ่งบอกว่า “หน้าอย่างนี้ ไม่ซื้อหรอก” เพราะลูกค้าเขาดูออกครับ ถ้าอาการอย่างนี้หลุดมาเมื่อไหร่ พวกเขาจะเดินหนีไปจากคุณทันที ศูนย์ฯ อื่นก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ แล้วเรื่องอะไรเขาจะต้องมาซื้อกับคนอย่างคุณกันครับ?
2. ไม่ว่าลูกค้าแต่งตัวอย่างไร ดูจน ดูไม่มีตังค์แค่ไหน คุณต้องให้เกียรติลูกค้าเสมอ
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้เลยนะครับ เป็นหนึ่งในเรื่องเล่าที่ผมมักจะแชร์ให้ โดยเฉพาะเซลล์ขายรถยนต์หรูๆ อย่างค่ายเบนซ์หรือบีเอ็มดับเบิ้ลยู (ค่ายรถญี่ปุ่นก็ควรเรียนรู้)
เรื่องก็มีอยู่ว่า ณ ศูนย์รถยุโรปเจ้าหนึ่ง สมัยที่ห้างพารากอนเปิดใหม่ๆ (ใบ้ว่าเป็นศูนย์ที่อยู่ใกล้ๆ ลัมโบฯ) มีอาแปะใส่กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ ดูเหมือนพึ่งปิดร้านโชว์ห่วยแล้วมาเดินดูรถยังไงยังงั้น แกดูเหมือนคนไม่มีตังแล้วไม่น่าจะมีความรู้เรื่องรถ มีท่าทางงกๆ เงิ่นๆ ดูเผินๆ นึกว่าอาแปะเดินห้างแล้วหลงทางมาดูรถเฉยๆ ยังไงยังงั้น
เซลล์ได้เห็นอาแปะเดินมาดูรถ ก็ได้เข้าไปให้บริการอย่างดี ด้วยความเป็นมิตร ให้ความรู้เรื่องรถอย่างเป็นกันเอง ไม่มีกั๊ก เสมือนว่าอาแปะ ‘น่าจะ’ มีตังซื้อรถแน่ๆ
เมื่ออาแปะได้รับการบริการที่ดี แกจึงบอกกับเซลล์ว่า “..เจ็กขอบคุณหลานมากที่แนะนำดี ให้เกียรติเจ็ก เจ็กไม่เคยซื้อรถยุโรปมาก่อนเลยไม่รู้ว่าต้องเลือกรุ่นไหน ตัวไหน ขอบคุณหลานมาก เจ็กตัดสินใจเลือกซื้อรุ่นนี้ก็แล้วกัน..”
สรุปคืออาแปะได้ทำการซื้อรถรุ่นนี้ในราคา ‘สด’ เพราะแกไม่อยากปวดหัวเรื่องไฟแนนซ์กับสเตตเมนท์ธนาคาร (ฮา) นี่คือตัวอย่างของการให้เกียรติลูกค้าและบริการลูกค้าเสมือนกับว่าพวกเขามีเงินซื้อแน่นอน
เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าสอนใจเซลล์ขายรถและทุกคนควรจำให้ขึ้นใจ เพราะไม่ว่าลูกค้าที่เดินเข้ามาหาคุณจะมีตังหรือไม่มีตัง พวกเขากล้าเดินเข้ามาสอบถาม ดูรถ คุณจงคิดไว้เสมอว่าต้องให้เกียรติและบริการลูกค้าทุกคนอย่างสุดฝีมือ เพราะทุกคนที่เดินเข้ามาหาคุณนั้นหมายความว่าพวกเขามีความต้องการซื้ออยู่แล้ว เรื่องมีตังหรือไม่มีตังนั้นเป็นอีกเรื่องนึง
สำหรับการบริการลูกค้าที่ตอนนี้พวกเขาอาจจะยังไม่มีตัง คุณยิ่งต้องให้เกียรติ เพราะพวกเขาอาจจะตั้งเป้าหมายไว้ในใจเรียบร้อยแล้วว่าถ้ามีตังจะต้องมาซื้อ ‘รถในฝัน’ ที่พวกเขาชื่นชอบให้ได้ ความทะเยอทะยานของคนเป็นสิ่งที่น่ายกย่องอยู่แล้วครับ
คุณควรติดตามลูกค้ากลุ่มนี้ให้ดีด้วยการขอเบอร์โทรติดต่อ ขอนามบัตร ขอไลน์เอาไว้ แล้วนำไปใส่ในเซลล์รีพอร์ทของคุณ คอยโทรไปสอบถาม บอกข่าวดีพวกเขาอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ลูกค้าจำคุณได้ ยามที่ลูกค้ามีตังพร้อมแล้ว พวกเขาจะเดินมาซื้อรถกับคุณแน่นอนครับ
3. ถามคำถามที่ดี ด้วยการถามความต้องการของลูกค้าเพื่อนำเสนอให้แม่นยำ
คุณควรมีไหวพริบในการถามคำถามที่ดีด้วย เพื่อเป็นวิธีในการช่วยคุณประเมินลูกค้าเกี่ยวกับ กำลังซื้อ ความต้องการ งานที่ลูกค้าทำ หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ลูกค้าได้รับความสะดวกสบาย โดยการถามคำถามแต่ละครั้งควรบอกประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้จากที่คุณถามทิ้งท้ายด้วย
ตัวอย่างเช่น ถามเกี่ยวกับสิ่งที่ลูกค้าทำ (เพื่อเสนอสิทธิพิเศษ) เช่น “..ขอสอบถามลูกค้าเกี่ยวกับอาชีพได้มั้ยครับ เผื่อว่าตรงกับอาชีพพิเศษที่ทางเรามีแคมเปญมอบให้ครับ..” หรือ “..คุณลูกค้าทำธุรกิจอยู่ด้วยมั้ยครับ เผื่อว่าผมจะช่วยเช็คการซื้อแบบในนามนิติบุคคล ทำให้ลูกค้าทำงานได้ง่ายขึ้นครับ..” เป็นต้น
และคำถามสำคัญๆ เพื่อสอบถามความต้องการของลูกค้า เช่น วัตถุประสงค์ในการใช้งาน (เพื่อนำเสนอรถที่ตรงกับจุดประสงค์) ช่วงเวลาที่ต้องการใช้รถคันใหม่ (เพื่อช่วยลูกค้าในการจองรถและวางแผนติดตามงาน) งบประมาณคร่าวๆ (เพื่อช่วยลูกค้าวางแผนทางด้านการเงิน)
4. นำเสนอสินค้าให้ดูดีและมีความเป็นมืออาชีพ
การนำเสนอรถที่ตรงตามความต้องการของลูกค้าและมีความเป็นมืออาชีพนั้นไม่ได้มีเทคนิคพิศดารอะไร เพราะคุณได้ถามคำถามที่ดีก่อนเลือกนำเสนอรถตามโจทย์ของลูกค้าเรียบร้อยแล้วนั่นเอง
เมื่อได้คำตอบจากลูกค้าเรื่องวัตถุประสงค์การใช้งาน คุณจงเลือกนำเสนอรถที่ตอบโจทย์ในเรื่องนั้นๆ เช่น ลูกค้าบอกว่าต้องการรถสำหรับครอบครัว มีสมาชิก 4 คน และชอบรถสไตล์ SUV คุณจงเลือกแนะนำรถ SUV โดยอาจจะหยิบทางเลือกอีกซัก 2-3 ทาง เช่น ออปชั่น หรือรถแบบซีดาน D-Segment เป็นตัวเทียบ เป็นต้น
มีเทคนิคอีกนิดหน่อยเกี่ยวกับการนำเสนอ คือการพูดถึงจุดเด่นที่สุดของรถซัก 2-3 อย่าง อย่าลงลึกเกี่ยวกับข้อมูลเชิงเทคนิคมากเกินไป เช่น จากความต้องการของลูกค้า ผมขอแนะนำ Mercedes-Benz รุ่น C350e AMG Dynamic ซึ่งมีจุดเด่นที่สุดคือเครื่องยนต์ไฮบริด ประหยัดน้ำมัน 30 โลลิตร เครื่องแรง และมีระบบอำนวยความสะดวกโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือความปลอดภัยครับ ถ้าลูกค้าถามรายละเอียดเชิงเทคนิคถึงจะพูดเรื่องทางเทคนิค
5. สังเกตสัญญานซื้อของลูกค้า
เนื่องจากรถหลายยี่ห้อนั้นเป็นสินค้ามูลค่าสูง ตั้งแต่หลักแสนถึงหลักสิบล้าน ดังนั้นเป็นไปได้มากว่าลูกค้าจะยังไม่ซื้อในตอนเจอหน้าคุณครั้งแรก เพราะพวกเขาอาจจะต้องกลับไปทำการบ้านเพื่อหาคู่เทียบ เช่น รถยี่ห้ออื่น รุ่นอื่น ข้อเสนอของศูนย์อื่น เป็นต้น ที่สำคัญคือคุณไม่สามารถกดดันให้ลูกค้าซื้อได้แต่อย่างใด เพราะลูกค้าอาจจะรู้สึกเสี่ยง การเอาทีมงาน เจ้านาย ผู้จัดการไปล้อมเยอะๆ นั้นจะส่งผลลบต่อการซื้อ และทำให้ลูกค้าไปซื้อกับคนอื่นได้
สัญญานซื้อที่ดีก็คือการถามคำถามเกี่ยวกับความเห็นของลูกค้าเรื่อง ‘ราคา’ ถ้าคุณถามแล้วลูกค้าขอคุยต่อเรื่องการวางแผนด้านการเงิน เช่น ดอกเบี้ย ค่างวด เงินดาวน์ ส่วนลด ของแถม ฯลฯ นั่นหมายความว่าในใจของลูกค้ากำลังวางแผนการซื้อด้วยตนเองแล้ว ถือว่าเข้าวินไปมากกว่า 70% อีก 30% ก็ขึ้นอยู่กับข้อเสนอพิเศษของคุณเช่นกัน
การเชิญลูกค้าให้นั่งคุยเรื่องเงินๆ ทองๆ แล้วสังเกตปฎิกิริยาของลูกค้าจะทำให้คุณอ่านลูกค้าออกว่าพวกเขามีเงินพอที่จะซื้อหรือไม่ หรือขอกลับไปคิดดูก่อน (เพราะอาจจะยังรู้สึกเสี่ยงเรื่องเงินหรือต้องการหาคู่เทียบ)
การถามคำถามเกี่ยวกับ ‘ช่วงใช้รถ’ ของลูกค้าก็เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะถ้าพวกเขาคายออกมาว่าต้องการใช้งานในเร็วๆ นี้ ก็ถือว่าเป็นสัญญานซื้อที่ดีที่คุณไม่ควรปล่อยให้พวกเขาหลุดมือเป็นอันขาด
6. เทคนิคในการปิดการขาย
สำหรับการขายรถนั้นก็มีอยู่หลายวิธี เราจะขอพูดถึงวิธียอดนิยมกันก่อน ดังนี้
Scarcity (ยิ่งน้อย…ยิ่งมีค่า)
เป็นเทคนิคง่ายๆ ที่ได้ผลดีนักแล เช่น ลูกค้าพูดออกมาว่าชอบรุ่นนี้ สีนี้ ราคานี้ คุณควรใช้ Scarcity ในการเร่งให้ลูกค้าซื้อด้วยเงื่อนไขของเวลา จำนวนสินค้า หรือช่วงหมดโปรโมชั่น เช่น
“..รุ่นนี้เป็นรุ่นยอดนิยม เหลือเพียง 3 คันสุดท้ายในศูนย์ฯ ครับ สะดวกจองรถก่อนเพื่อรักษาประโยชน์ของลูกค้าในการได้มีรถใช้ทันช่วงเวลาที่ต้องการมั้ยครับ?..”
“..โปรโมชั่นพิเศษจำกัดสิทธิ์ถึงช่วงสิ้นเดือนนี้เท่านั้นครับ จึงขอแนะนำทางเลือกในการรักษาสิทธิ์ด้วยการจองรถเอาไว้ก่อนมั้ยครับ ถ้าไม่สะดวกรับรถช่วงนั้นจริงๆ เรายินดีคืนเงินจองให้ 100% ครับ..”
Success Story (เล่าเรื่องความสำเร็จ)
เรื่องนี้ก็ควรเล่าให้ลูกค้าฟังเป็นเหตุผลประกอบว่าทำไมลูกค้ารายอื่นถึงซื้อรถกับคุณ ซื้อศูนย์ฯ คุณ เป็นช็อตที่คุณโม้ได้มากที่สุด ควรมีไหวพริบในการเล่าเรื่อง เช่น คุณถามลูกค้าเกี่ยวกับงานที่เค้าทำ สมมติลูกค้าเป็นหมอ คุณก็เล่าเรื่องคุณหมอลูกค้าเก่าคุณที่เคยซื้อกับคุณ ยิ่งถ้าเป็นคุณหมอคนเด่นคนดังด้วยยิ่งดี พูดให้ชัดเจนว่าทำไมลูกค้ารายอื่นถึงมาซื้อกับคุณ ศูนย์คุณ ถ้าเป็นนักธุรกิจ พนักงานบริษัท ข้าราชการ ฯลฯ ก็ควรเล่าเรื่องด้วยการหยิบเคสของลูกค้าเก่า (จะเป็นของคุณหรือของเซลล์คนอื่นก็ได้) เอามาเล่าให้เพิ่มความน่าเชื่อถือ ยิ่งเป็นคนดังยิ่งดี
Test Drive (เชิญลูกค้ามาลองรถ เป็นท่าไม้ตายก้นหีบ)
นี่คือท่าไม้ตายก้นหีบเพื่อช่วยให้คุณปิดการขายได้อยู่หมัด พร้อมกับปิดโอกาสที่ลูกค้าจะไปซื้อกับศูนย์ฯ อื่นในทันที นั่นคือการเชิญลูกค้าให้เข้ามาลองรถ หรือยื่นข้อเสนอให้ลูกค้าลองรถได้ฟรี ไม่มีเงื่อนไข อย่าลืมว่าการ ‘Test Drive’ เป็นนโยบายของศูนย์ฯ อยู่แล้ว ดังนั้นคุณจงใช้มันให้เต็มที่แบบไม่มีกั้ก
การลองรถเป็นช่วงเวลาสำคัญเพราะคุณจะได้อยู่ในรถกับลูกค้าสองต่อสอง คุณจงนั่งไปข้างๆ ลูกค้าและเล่าเรื่องไปเรื่อยๆ เกี่ยวกับฟังก์ชั่น การใช้งานในรถ สังเกตดีๆ ว่าลูกค้าสนใจอะไรเป็นพิเศษ แล้วจงขยี้ให้หนักว่ามันเป็นฟังก์ชั่นที่สำคัญต่อชีวิตลูกค้า เช่น ลูกค้ากดปุ่มเปลี่ยนระบบไฮบริด เปลี่ยนโหมด คุณก็จงเล่าเรื่องเกี่ยวกับฟังก์ชั่นและข้อดีให้ครบถ้วน อะไรที่เป็นเรื่องดีๆ ของตัวรถ คุณจงเล่าไปเรื่อยๆ อย่าให้เกิดอาการ ‘Dead Air’ คือไม่รู้ว่าจะคุยอะไร พยายามอย่าบลัฟคู่แข่งว่าไม่ดีเท่าคุณ ให้พูดกลางๆ ถามความชอบของลูกค้า เน้นที่ตัวลูกค้าดีกว่า
เมื่อลองรถเสร็จแล้ว ลูกค้ามีแนวโน้มว่าชอบรถใหม่มากๆ (แหงล่ะ ก็รถใหม่มันมักจะดีกว่ารถเก่านี่นา) จงชวนลูกค้านั่งคุยเรื่องเงินๆ ทองๆ ทันที จากนั้นก็เข้าลูปการนำเสนอโปรโมชั่น สิทธิพิเศษ ส่วนลด ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เพื่อให้ลูกค้าจองรถหรือวางดาวน์ให้ได้ แต่ถ้าลูกค้าไม่ซื้อจริงๆ ก็ไม่ควรกดดันเขานะครับ เดี๋ยวเขาก็กลับมาซื้อ ใจเย็นๆ
Special Offer (สิทธิพิเศษ)
ไพ่ใบสุดท้ายในการปิดการขายให้ได้ คือการเปิดไพ่เกี่ยวกับข้อเสนอพิเศษ เช่น ส่วนลด เงินดาวน์ใหม่ อาชีพพิเศษ ของแถมสำคัญ (เช่น ประกันชั้น 1 ฟิล์มกรองแสง ชุดแต่ง) อะไรที่ใช้ได้และเป็นประโยชน์ต่อลูกค้าสูงสุด จงนำเสนอให้อย่างไม่มีกั้ก อย่าพยายามกั้กข้อเสนอมากเกินไป เพราะนอกจากจะไม่ได้ยอดขายแล้วแถมยังทำให้ลูกค้ารู้สึก ‘โง่’ อีกด้วย อย่าลืมนะครับว่ายุคนี้ศูนย์บริการมีเยอะมาก ข้อเสนอเต็มโซเชี่ยล ถ้าคุณมัวแต่หมกเม็ดแล้วลูกค้าได้ข้อเสนอที่ดีกว่าจากเซลล์ศูนย์อื่น พวกเขาจะเดินหนีจากคุณไปในทันที
7. วางแผนและสร้างระบบการติดตามงานอย่างมีประสิทธิภาพ
นี่คือแก่นแท้ของเซลล์ขายรถมืออาชีพเลยก็ว่าได้ เพราะพวกเขาจะไม่ทำดีลหลุดหรือหายหัวไปเป็นอันขาด เมื่อลูกค้าเดินเข้ามาหาคุณแล้ว จงถือว่าพวกเขาคือลีดที่มีโอกาสซื้อเสมอ ถึงแม้ว่าจะไม่ซื้อภายในวันก็ตาม
จงขอข้อมูลติดต่อลูกค้าโดยบอกสิ่งที่เป็นประโยชน์ เช่น ขอชื่อและเบอร์โทรของลูกค้า เผื่อว่ามีข้อเสนอที่ดี มีรถรุ่นใหม่เข้ามา มีของ คุณจะรีบโทรอัพเดทลูกค้าทันที ลูกค้าจะได้สะดวกใจที่จะให้ Contact กับคุณ
แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือการเอาชื่อและเบอร์นำมาใส่ใน Sales Force CRM (จะใช้ Excel ทำเองก็ได้) เพื่อบันทึกสถานะ ข้อมูลติดต่อของลูกค้าทุกคนเอาไว้ โดยเฉพาะข้อมูลสำคัญคือ ‘ช่วงใช้สินค้า’ จะเป็นข้อมูลสำคัญเพื่อใช้ในการติดตามงานอย่างไม่อึดอัดได้ เช่น ถ้าลูกค้าบอกว่าอยากซื้อช่วงสิ้นปี คุณอาจจะตามลูกค้าเดือนละครั้งด้วยการโทรไปบอกข่าวดี เรื่องดี เช่น มีโปรใหม่ แจกรางวัล เชิญทดสอบรถฟรี เป็นต้น เพื่อทำให้ลูกค้าจดจำคุณให้ได้
ยิ่งเดี๋ยวนี้มีไลน์ คุณควรขอไลน์ลูกค้าเอาไว้เพราะมันเป็นเครื่องมือที่ง่ายในการอัพเดทข่าวดี เพื่อส่งรูปเร้าอารมณ์และเป็นการตามงานไปในตัว ที่สำคัญคือเวลาลูกค้าทักหรือสอบถามเรื่องรถ จงตอบกลับให้ไวที่สุดเพื่อทำให้ลูกค้าจดจำคุณในฐานะ ‘The Flash’ ให้ได้ เทคนิคนี้จะทำให้เมื่อเวลาลูกค้ามีตังแล้ว เค้าจะเดินมาซื้อคุณเป็นคนแรก
ขายดีไม่ดี วัดกันที่ลีดครับ การติดตามงานจะช่วยเพิ่มอัตรา Conversion ปิดการขายได้นั่นเอง
8. ขายได้แล้ว ก็ไม่ควรหายหัวไปไหน มีปัญหาต้องรีบช่วยเหลือและแก้ไข
คงรู้ๆ กันอยู่ว่าการแก้ปัญหา คือการวัดว่าใครคือนักขายมืออาชีพที่แท้จริง เรื่องรถเป็นเรื่องที่ดราม่าในพันทิปเยอะมากๆ สาเหตุเกิดจากการแก้ปัญหาโดยเซลล์และทีมงานที่ห่วยนั่นเอง คุณจงอย่าเป็นคนประเภทนั้นนะครับ แก้ปัญหาให้ไวและสุดความสามารถจะส่งผลดีต่อการขายของคุณในระยะยาว นั่นคือลูกค้าจะไว้ใจคุณมากขึ้นและแนะนำคนรู้จักให้มาซื้อกับคุณ
ยอดขายระยะยาวโดยที่คุณไม่ต้องออกแรงมากนั่นคือลูกค้าแนะนำคนอื่นให้มาซื้อกับคุณนั่นเอง คุณจงสร้างความเป็นมืออาชีพต่อพวกเขาเอาไว้ให้นานที่สุด เช่น โทรหรือไลน์ไปถามความพึงพอใจในการใช้งาน หรืออัพเดทข้อมูลใหม่ๆ เป็นประจำทุกเดือนหรือ 3 เดือน สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ลูกค้าไว้ใจคุณมากขึ้นและส่งผลถึงการบอกต่อให้คนอื่นมาซื้อกับคุณ ตัวเลขจะไหลเข้ากระเป๋าคุณโดยไม่ขาด เซลล์ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยทำเรื่องนี้ ดังนั้นคุณจงเป็นคนส่วนน้อยเอาไว้นะครับ คุณจะกลายเป็นนักขายขั้นเทพได้แน่นอน
9. เตรียมนามบัตรไว้ให้พร้อมเสมอ พกติดตัวตลอดเวลา แจกทุกคนที่เจอหน้า
นามบัตร เป็นเรื่องง่ายๆ ที่ไม่ได้เอาไว้ใช้แจกเฉพาะในเวลางาน แต่คุณยังสามารถเอาไว้แจกคนรอบข้าง เพื่อนของเพื่อน คนรู้จักของคนใกล้ตัวคุณ แม้แต่คนที่พึ่งเคยคุยด้วยก็สามารถแจกได้
เวลาแนะนำตัวก็บอกสิ่งที่คุณทำให้ชัดเจน โดยบอกถึงข้อดีของตัวคุณเพิ่มอีกนิดหน่อยเพื่อให้คนอื่นจำคุณให้ได้ ตัวอย่างเช่น “..สวัสดีครับ ผมเอก เป็นเซลล์ของเบนซ์ทองหล่อ (ยื่นนามบัตร) ซึ่งผมเป็นที่ปรึกษาด้านรถยนต์และเชี่ยวชาญเรื่องการแนะนำรถให้เหมาะกับบุคลิกของคุณครับ (ประโยชน์ที่มอบให้คนอื่น) ยินดีที่ได้รู้จักครับ..”
แจกให้เยอะๆ แนะนำตัวให้หล่อๆ ดูดี เพื่อแลกนามบัตร คุณก็จะได้ลีดเพิ่มแบบง่ายๆ แล้ว แถมเอาไว้ใช้เผื่อฟลุ้กเวลาลูกค้าอยากได้รถขึ้นมา หรือแนะนำให้คนอื่นมาซื้อกับคุณครับ
**พิเศษ – เทคนิคการขายเวลาไปออกบู๊ทตามห้างหรือมอเตอร์โชว์
1. คิดเสมอว่าลูกค้ามีตังทุกคน ไม่ต้องสนว่าจะเสียเวลาเมื่อคุยกับลูกค้าที่ไม่มีตังจริงๆ
2. ถ้าลูกค้าเดินมาจับ ด้อมๆ มองๆ เข้าไปลองนั่ง ให้รีบเข้าประชิดตัวเพื่อแนะนำตัวทันที อย่าให้เซลล์ศูนย์คู่แข่งชิงตัดหน้าเราไป ไม่งั้นเสียโอกาสเอาเงินเข้ากระเป๋า
3. อย่ามัวแต่สุมหัวคุยเจ้าะแจ๊ะระหว่างกลุ่มเซลล์ด้วยกัน หรือมัวแต่สไลด์มือถือ ลูกค้าเขามองหาเซลล์แต่ดันเห็นพวกคุณยืนจับกลุ่มคุยกัน ลูกค้าจะรู้สึกเป็นลบทันที
4. อย่าให้ลูกค้าต้องเป็นฝ่ายมองหาคุณ แต่เป็นคุณที่เป็นฝ่ายมองหาลูกค้าต่างหาก
5. อย่ากินน้ำเยอะเกินไป เพราะจะทำให้ต้องไปฉี่บ่อย เสียโอกาสในการขาย
6. ถ้าลูกค้าต้องการส่วนลดแบบสุดๆ จงเรียกเจ้านายมาช่วยเปิดไพ่ทันที ไม่ต้องรอ ตัวเจ้านายเองก็ไม่ควรทำท่ายะโสโอหังให้มากนัก ควรลงมือช่วยลูกน้องอย่างจริงใจ
7. ถ้านัดลูกค้ามาที่งานได้ เชิญมาได้ จงปิดการขายให้ได้ อย่าปล่อยให้พวกเขาหลุดมือเป็นอันขาด
8. แจกนามบัตรให้มากที่สุด เตรียมมาเป็นตับเลยยิ่งดี ให้เอามาซัก 300 ใบ อย่างต่ำ
9. แลกไลน์กับลูกค้าทุกคน เพื่อเพิ่มโอกาสในการติดต่อกับลีด ส่งโปรโมชั่น ตามงานเรื่อยๆ ห้ามพลาดเด็ดขาด เซลล์ขายรถมือสมัครเล่นมักลืมข้อนี้เสมอ ง่ายๆ ไม่ทำ ดันทำให้มันยากขึ้นเอง
ในเพจนี้มีเซลล์ขายรถมืออาชีพอยู่เป็นจำนวนมาก จึงขอเขียนเทคนิคจากประสบการณ์และการอบรมทีมขายรถมาก่อน ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะครับ
Comments
0 comments