ถ้าคุณเป็นเซลล์ที่ขับรถบ่อยๆ จงรักชีวิตตัวเองด้วยการขับแบบ 'Defensive Driving'

เรื่องในวันนี้ที่ผมจะพูดเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิตการเป็นเซลล์ของคุณทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งเรื่องนี้เป็นหนึ่งในเครื่องมือในการทำมาหากินของพวกคุณก็คือ ‘รถยนต์’ นั่นเองครับ

การขับรถไปหาลูกค้าในแต่ละวันนั้นหมายถึง ‘ความเสี่ยง’ ที่คุณต้องแบกรับทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ยิ่งในยุคนี้เราอยู่ในยุคแห่งความอันตรายที่อัตราการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนในประเทศไทยนั้นตายมากที่สุดในโลกติดอันดับ 2 ของโลก (ข้อมูลจาก: https://hilight.kapook.com/view/98459)

หมายความว่าชีวิตการเป็นเซลล์ของคุณนั้นแขวนอยู่บนความอันตรายตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาคุณไปกินเลี้ยงกับลูกค้า กับทีม แล้วมีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบจะเพิ่มความเสี่ยงตายของชีวิตคุณมากขึ้น ไม่ว่าจะพลาดชนคนอื่น หรือมีคนอื่นมาชนคุณก็ตาม

ดังนั้น การขับรถที่มีความปลอดภัย ระมัดระวังตัวเองอยู่ตลอดเวลา มีสติ จะสามารถลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายและความสูญเสียด้านทรัพย์สินไปได้มาก ผมจึงขอแนะนำวิธีการขับรถแบบ ‘Defensive Driving’ ที่จะช่วยให้ชีวิตการเป็นเซลล์ที่รุ่งโรจน์ของคุณไม่ถูกขัดขวางด้วย ‘ความตาย’ ดังนี้ครับ

1. การตรวจสอบความพร้อมของรถคุณก่อนขับขี่ เป็นสิ่งแรกที่ควรลงมือทำทุกครั้ง

 ก่อนหยิบกุนแจและสตาร์ทเครื่องไปหาลูกค้า จงเสียสละเวลาอีกนิดในการตรวจสอบรถยนต์ของคุณอยู่เสมอ สิ่งที่คุณควรตรวจสอบเป็นอันดับแรกคือ ‘สภาพยาง’ ว่ามีสิ่งใดที่ผิดปกติหรือไม่ เช่น ลมยางต้องไม่น้อยเกินไป ดอกยางที่ไม่ควรโล้นจนเกินไป หรือความสึกของสภาพยาง เพราะถ้าคุณปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไม่ตรวจสอบ ‘ยาง’ จะเป็นอุปกรณ์ชิ้นแรกที่นำพาคุณไปสู่ความตาย เนื่องจากความเสี่ยงในการระเบิดและยางแตกเมื่อคุณใช้ความเร็วสูง ผลที่ตามมาคือคุณจะควบคุมรถไม่อยู่ และถ้าโชคร้ายก็อาจจะเกิดการชนกับรถคันอื่นหรือสิ่งกีดขวางจนคุณตายได้

นอกจากนี้ การตรวจสอบการทำงานของเครื่องยนต์ว่าเป็นปกติหรือไม่ การทำงานของระบบเกียร์ ระบบทำความเย็น แบตเตอรี่ ระบบเบรก ฯลฯ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงของการขับขี่ระหว่างทางเช่นกัน สภาวะไม่คาดฝัน เช่น รถดับกลางทาง เกียร์พัง อาจจะทำให้คุณเกิดอุบัติเหตุได้เลย คุณจึงควรนำรถเข้าศูนย์บริการมาตรฐานเพื่อตรวจสอบการทำงานของรถยนต์ให้เป็นปกติเป็นประจำอยู่เสมอ อย่างก ไม่งั้นจะเสียน้อยเสียยากฯ และเสียชีวิตในที่สุด

2. ยามขับขี่ ควรมีจินตนาการและตระหนักถึงเหตุการณ์ไม่คาดฝันจากรถคันอื่นอยู่เสมอ 

 เคยดูคลิปรถชนตามยูทูปกันมั้ยครับ โดยเฉพาะคลิปอุบัติเหตุที่เกิดจากการขับรถตัดหน้าระยะกระชั้นชิด การเลี้ยวโดยไม่ให้สัญญานไฟ การกลับรถยูเทิร์นกระทันหันโดยที่ไม่ได้ดูเพื่อนร่วมทาง ฯลฯ จนเกิดการเฉี่ยวชนถึงขั้นเสียชีวิต ทั้งมอเตอร์ไซค์และรถยนต์ นี่คือตัวอย่างของเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่มาจากเพื่อนร่วมทาง

การขับขี่ทุกครั้ง คุณควรมีจินตนาการอยู่เสมอสำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น รถคันหน้าที่คุณขับตาม ถ้าคันหน้าเกิดเบรกกะทันหัน คุณจะเบรกทันเวลาหรือไม่? หรือถ้ารถมอเตอร์ไซค์คันหน้า จู่ๆ เลี้ยวเปลี่ยนเลนกระทันหันโดยที่ไม่ได้ให้สัญญานไฟเลี้ยว คุณจะหลบหรือเบรกทันหรือไม่? แม้แต่ถ้าคุณเองขับรถอยู่แล้วจู่ๆ ยางระเบิด คุณจะควบคุมรถให้ปลอดภัยได้อย่างไร เป็นต้น จินตนาการจะทำให้คุณเห็นภาพการขับรถและมีแผนการในหัวเพื่อเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้อยู่เสมอ นำมาสู่ความมีสติและสามารถเอาตัวรอดออกมาได้

3. ปรับเบาะที่นั่งให้อยู่ในสรีระที่ดี และจับพวงมาลัยให้ถูกต้องตามหลักสูตรการขับขี่ปลอดภัย

การปรับที่นั่งที่ดี ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นท่านั่งที่สบายที่สุด แต่ควรปรับเบาะให้การมองเห็นถนนด้านหน้าอยู่ในวิสัยทัศน์ที่ดีที่สุดต่างหาก หลังควรนั่งแล้วตั้งตรง หัวไม่ชิดเพดานรถเกินไป ตัวไม่ชิดกับพวงมาลัยเกินไป โดยเฉพาะคุณสุภาพสตรี พยายามหลีกเลี่ยงการเซ็ตตำแหน่งเบาะให้ชิดกับพวงมาลัย เนื่องจากแขนของคุณจะไม่ได้อยู่ในสภาพที่พร้อมสำหรับการหมุนพวงมาลัยยามมีเหตุการณ์กระทันหัน แล้วเมื่อเกิดอุบัติเหตุ มีความเสียงที่ตัวคุณจะถูกการกระแทกอย่างรุนแรงจากพวงมาลัย ทำให้บริเวณหัวใจได้รับการกระทบกระเทือน ถึงตายได้เลย

การจับพวงมาลัยก็ควรฝึกฝนให้จับได้อย่างถูกต้อง นั่นคือมือซ้ายจับที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกา และมือขวาจับที่ตำแหน่ง 14 นาฬิกา ซึ่งจะทำให้ความคล่องตัวและความมั่นคงในการควบคุมรถนั้นอยู่ในสภาพที่สูงที่สุด ช่วยให้คุณเอาตัวรอดยามเกิดเหตุการณ์คับขันได้ นอกจากนี้จงอย่าขับรถมือเดียวและอีกมือเล่นมือถือไปด้วย เพราะนี่คืออีกหนึ่งสาเหตุที่เกิดอุบัติเหตุถึงตายมากที่สุด

4. อย่าขับรถไปสไลด์มือถือไป จับมือถือคุยโทรศัพท์ไป เล่นไลน์ไปด้วย และอย่าทำอะไรก็ตามที่ไม่ควรทำเวลาขับรถ

สั้นๆ ง่ายๆ สำหรับเรื่องนี้ ยิ่งโทร ยิ่งแชต ยิ่งเล่นมือถือก็ยิ่งเพิ่มโอกาสเสี่ยงตาย ผมเข้าใจครับว่าถนนในกรุงเทพนั้นมีการจราจรที่แย่มาก รถติด คุณถึงติดมือถือเพราะเบื่อการรอคอย จึงเล่นมือถือฆ่าเวลา นานๆ เข้าก็กลายเป็นติด วางไม่ลง ยิ่งไม่เคยชนใครมาก่อนก็ยิ่งย่ามใจ

อนุโลมได้บ้างสำหรับการคุยโทรศัพท์ถ้าคุณซื้ออุปกรณ์เสริม เช่น หูฟังบลูทูธ หรือถ้ารถยนต์สามารถเชื่อมต่อบลูทูธกับมือถือคุณได้ก็ยิ่งดี และการเล่นเฟส เล่นไลน์ เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำทุกกรณีนะครับ ต่อให้รถติดนานๆ ก็ไม่ควรเล่น ลองเปลี่ยนเป็นการฟังเพลง ฟังวิทยุ ฟังข่าวจะดีกว่า

5. อย่าขับ ‘ช้าแช่ขวา’ 

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมาอย่างยาวนานมากเกี่ยวกับประเด็นเรื่องการขับช้าแช่เลนขวา บางคนก็มองว่าไม่ผิด เพราะขับรถไม่เกินอัตราความเร็วที่กฎหมายกำหนด แต่บางคนก็มองว่าผิดเพราะกฎหมายให้คนขับเร็ววิ่งเลนขวา ใครที่ช้าก็ต้องหลบให้คนที่มาเร็วกว่า เรื่องนี้จึงกลายเป็นปัญหาโลกแตก เปรียบได้กับไก่กับไข่ก็มิปาน

ผมจึงขอสรุปให้ในฐานะเซลล์ 500,000Km นะครับ นั่นก็คือเวลาคุณขับช้าแล้วมีคันหลังตามมาเร็วกว่าคุณ คุณต้องหลบทางให้คนอื่นทุกกรณี ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องกฎหมาย แต่เกี่ยวกับ ‘ชีวิต’ ของคุณเอง เพราะยามใดที่คุณขับช้าและมีคันหลังตามมาอย่างรวดเร็ว คุณจะกลายเป็น ‘เป้านิ่ง’ ให้คันอื่นสอยตูดคุณทันที หรือคันหลังอาจจะพยายามแซงซ้ายแล้วเกิดพลาด ชนะกับคันหน้า คุณเองจะซวยจากอุบัติเหตุในรูปแบบนี้ได้มากที่สุด ตัวอย่างจากคลิปในยูทูปนั้นมีหลายเคสเลยที่รถชนกันจนตายเพราะเกิดจากคันหน้าขับช้าแช่ขวา 

6. ขับรถตามกระแสความเร็วของท้องถนนในแต่ละที่ ไม่ควรขับช้าเกินไปหรือขับเร็วเกินไป

 การอ่านกระแสของการขับขี่บนถนน เป็นทักษะที่จำเป็นซึ่งจะช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุได้อย่างมาก วิธีการนั้นก็ไม่ยาก เพียงแค่คุณลองดูว่ารถในแต่ละเลน โดยเฉพาะเลนกลางกับเลนขวาสุดนั้น แต่ละคันใช้ความเร็วกันประมาณเท่าไหร่ เช่น รถส่วนใหญ่ทำความเร็วบนถนนหลวงประมาณ 80-100 Km/h คุณก็ควรขับรถด้วยความเร็วตามกระแสการไหลของรถคันอื่นส่วนใหญ่ 

การขับรถที่ช้าเกินไปจะทำให้คุณกลายเป็น ‘เป้านิ่ง’ ในการถูกชนโดยรถที่ขับมาอย่างรวดเร็ว กลายเป็นตายโดยที่ไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดด้วยซ้ำ และการขับรถที่เร็วเกินไป ทั้งๆ ที่กระแสการไหลของถนนนั้นอยู่ในอัตราที่ช้า จะช่วยเพิ่มโอกาสการเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะการชนท้ายซ้ำซ้อน ทำให้คุณเสียชีวิต เสียทรัพย์สิน เสียค่าซ่อมให้รถคันหน้าอย่างมหาศาลจนตัวคุณเจ๊งไปเลย 

7. ใช้กฎ ‘2 วินาที’ สำหรับการขับรถตามหลังคันหน้า

 การขับรถตามคันหน้า ถือว่ามีโอกาสเสี่ยงตายเกิดขึ้นเช่นกัน ต่อให้ไม่ได้ทำอะไรผิดก็ตาม เพราะสาเหตุของการชนท้ายคันหน้าก็คือการเบรกกระทันหันจากคันหน้าโดยที่คุณไม่สามารถเบรกทัน และการขับรถจี้คันหน้ามากจนเกินไป ก็เพิ่มอัตราเสี่ยงในเรื่องนี้มากขึ้นไปอีกเช่นกัน

กฎ ‘2 วินาที’ เป็นกฎง่ายๆ สำหรับการขับรถตามคันหน้า นั่นคือให้คุณลองคำนวนและนับเลขในใจว่ารถคุณจะชนคันหน้าจะต้องใช้เวลากี่วินาที ถ้าแค่ 1 วินาที ถือว่าเร็วไป นับพริบตาเดียวก็ชนแล้ว แต่ 5 วินาทีก็ถือว่าห่างไป เพิ่มโอกาสโดนสอยโดยคันหลังมากขึ้นไปอีก ดังนั้น 2 วินาทีจึงเป็นตัวเลขที่เหมาะสมในการรักษาระยะห่างไว้

8.  ยามโพล้เพล้ เป็นช่วงที่มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุมากที่สุด ควรเปิดไฟหน้ารถหรือติดตั้งไฟ Day Light เพื่อทำให้รถคุณมองเห็นโดยคันอื่นๆ ได้ง่าย

ยามโพล้เพล้ก็คือช่วงเวลาก่อนที่ตะวันตกดิน ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่อันตรายมากกว่าการขับรถตอนกลางคืนเสียอีก เพราะสภาพแสงกับสภาพอากาศจะหลอกสายตาของคุณ และสายตาของคุณจะปรับตัวไม่ทัน ทำให้คุณอาจจะไม่สังเกตเห็นรถคันอื่นในระยะสายตา ส่งผลให้เกิดการชนและเสียชีวิตเกิดขึ้น

การเปิดไฟหน้ารถจะช่วยเพิ่มอัตราการมองเห็นโดยรถคันอื่นได้มาก ยิ่งในปัจจุบัน รถสมัยใหม่ติดตั้งไฟ Day Light ซึ่งเป็นไฟแบบ LED ที่ทำงานตลอดเวลาตั้งแต่ติดเครื่องยนต์ เป็นไฟขาวที่ไม่แสบตา ทำให้คันหลังมองเห็นรถคุณได้อย่างชัดเจน ลดอัตราการสูญเสียชีวิตลงไปได้อีก

9. หมั่นมองกระจกข้างและกระจกหลังอยู่ตลอดเวลา

สายตาคุณจะต้องจับโฟกัสไปที่ 3 สิ่งนี้ นั่นคือ ข้างหน้า กระจกข้าง และกระจกมองหลัง เพื่อใช้สังเกตพฤติกรรมของรถที่ขับตามหลังและรถที่อยู่คันหน้า ถ้าเจอข้างหลังขับจี้มาด้วยความเร็วสูง หรือคุณต้องการเปลี่ยนเลน การมองกระจกจะช่วยลดอัตราการเฉี่ยวชนลงไปได้มาก (แถมไม่เจอคันหลังบีบแตรด่า ฮา..)

ความผิดพลาดอันใหญ่หลวงของนักขับมือใหม่คือการไม่มองกระจกหลังและกระจกข้าง ทำให้ถูกชนเพราะการเปลี่ยนเลนโดยไม่มองรถคันหลังที่ตามมา นี่คือสาเหตุหลักๆ ของการขับรถชนกันเลยก็ว่าได้

10. คุณเป็นนักธุรกิจ ไม่ใช่นักแข่งรถ จงอย่าบ้าจี้ขับตามคนขับเร็วเด็ดขาด

อย่าเอาชีวิตของคุณไปเสี่ยงด้วยความรู้สึกไม่อยากเสียหน้า บ้าพลัง อยากเอาชนะ โดยเฉพาะเวลาคุณถูกแซงโดยคนขับรถกวนตีนที่บังเอิญรถของคุณมีสเปคที่ใกล้เคียงกับรถอีกคัน เช่น คุณขับอัลติสแล้วคุณเจอซีวิคแสง เกิดอาการอยาก ‘ปะทะ’ คันไม้คันมือ จากนั้นก็ขับรถไล่บี้กับซิวิคแบบไม่มีประโยชน์ ชนะไปก็เท่านั้น

นี่คือความคิดของคนที่ไม่มีวุฒิภาวะ เอาตัวเองไปเสี่ยงกับเรื่องโง่ๆ เห็นใครแซงเป็นไม่ได้ ต้องคันตีนอยากปะทะทุกที ผลลัพธ์ที่เลวร้ายคืออัตราการเกิดอุบัติเหตุถึงตาย ที่สำคัญคือคนอื่นที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ก็มีโอกาสตายด้วยน้ำมือของคุณเอง

11. อย่าขับรถตามสิบล้อ รถทัวร์ รถบรรทุก รถคันใหญ่ๆ 

เพราะว่ามันจะบดบังทัศนวิสัยของคุณอย่างแรง โดยเฉพาะกับรถบรรทุก บางทีคุณอยู่ในจุดบอดที่คันอื่นมองไม่เห็น อาจจะทำให้คุณโดนเบียด โดนปาดหน้ากระชั้นชิด และพาคุณไปตายได้ ถ้าเห็นทางโล่งๆ แซงได้ เป็นไปได้ก็ควรอัดหนีเลย ห้ามช้าเด็ดขาด

12. เลนไหนหน้าโล่ง เล่นนั้นปลอดภัยที่สุด

เพราะคุณไม่มีโอกาสชนรถคันหน้าแน่นอน หรือโดนชนโดยรถที่ขนาบข้างเด็ดขาด เห็นทางโล่งเมื่อไหร่ก็ควรเข้าไปวิ่งเลนนั้นให้เร็วที่สุด เพื่อความปลอดภัยของคุณเอง แต่ถ้ามีใครขับเร็วกว่าแล้วคุณไปขวางเลน คุณควรหลีกทางให้พวกเขาทันที แล้วกลับเข้ามาวิ่งเลนเดิมที่หน้าโล่ง ปล่อยคนอื่นแซงไปดีกว่า

พยายามขับรถหาพื้นที่ที่ ‘หน้าโล่ง’ ให้มากที่สุดเมื่อมีโอกาส ก่อนที่จะกลายเป็น ‘ศพ’ จากการขับรถของคนอื่น

13. ถ้าเมามาก ขับรถกลับไม่ไหว จงหัดใช้แอพพลิเคชั่นที่มีประโยชน์อย่าง ‘U Drink I Drive’ เพื่อเป็นทางเลือกในการพาคุณกลับบ้านอย่างปลอดภัย 

ยุคนี้เป็นยุค 4G ที่มีแอพฯ มากมายเต็มไปหมด หลายๆ คนคงเคยได้ยินแอพพลิเคชั่นเกี่ยวกับการเรียกใช้บริการ ‘คนขับรถ’ ที่คุณสามารถจ้างให้พวกเขาขับรถคุณไปส่งคุณที่บ้านพร้อมกับรถ ซึ่งสำหรับผมถือว่ามีประโยชน์มากในเวลาที่คุณเลี่ยงไม่ได้เมื่อต้องไปงานปาร์ตี้แล้วมีแอลกอฮอล์อยู่ในเมนูนั้น นอกจากความเมาจะทำให้คุณเสี่ยงตายแล้ว คุณยังมีโอกาสถูกตำรวจจับเข้าไปนอนคุกได้อีกเช่นกัน

แอพพลิเคชั่นที่ผมแนะนำชื่อว่า ‘U Drink I Drive’ ซึ่งคุณสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีทั้ง iPhone และ Android เป็นแอพฯ ที่มีประโยชน์ยามฉุกเฉินเป็นอย่างมาก ทำให้คุณสบายใจเมื่อต้องเมาแล้วขับ ทั้งในเรื่องชีวิตและการกระทำที่ผิดกฎหมาย ส่วนการใช้บริการนั้นก็ง่ายนิดเดียว เพียงแค่ติดตั้งแอพฯ แล้วเลือกสถานที่ที่คุณต้องการให้คนขับรถมารับ พร้อมกับจุดหมายที่ต้องการให้ไปส่งแล้วชำระบริการ จากนั้นก็รอพวกเขามาพาตัวคุณกลับบ้านพร้อมรถ ง่ายๆ แค่นี้เอง แถมอัตราค่าบริการก็อยู่ในระดับมาตรฐาน ไม่แพงกว่าการนั่งแท็กซี่มากนัก ทำให้ชีวิตคุณปลอดภัย

สามารถโหลดแอพที่นี่ได้ฟรี: คลิกเลย

ขับขี่ให้ปลอดภัยด้วย ‘Defensive Driving’ จะเป็นการที่คุณ ‘ปกป้อง’ อนาคตอันรุ่งโรจน์โชติช่วงชัชวาลของคุณไปได้อีกนานแสนนาน อย่าให้ความตายมาหยุดคุณ เพราะมันจะเป็นสิ่งเดียวที่คุณไม่สามารถย้อนเวลากลับมาแก้ไขมันได้อีกแล้ว เพราะคุณนั้นได้ตายไปแล้วจากการเกิดอุบัติเหตุนั่นเอง

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts

ใส่ความเห็น