วิธีการ Work Smart สำหรับอาชีพนักขาย
คุณคงเคยได้ยินวลี Work Hard, Play Hard อะไรทำนองนี้อยู่บ่อยๆ อารมณ์ก็คือทำงานให้หนักและใช้ชีวิตให้เต็มที่ เชื่อผมมั้ยครับว่าใครที่ใช้ปรัชญานี้ในการทำงาน ส่วนใหญ่จะเป็น “โรคทรัพย์จาง” (ฮา) เพราะทำงานหนักก็จริงแต่เล่นท่ายากมากเกินไป แล้วรายได้ไม่ได้สูงตามการทำงานที่หนักหน่วง ที่สำคัญคือร่างกายและจิตใจกลับอ่อนล้ากว่าเดิมด้วยซ้ำ
อาชีพนักขาย เป็นอาชีพที่ทำมากได้มาก ดังนั้นการทำงานหนักเพื่อให้ได้เงินเข้ากระเป๋าให้ได้มากที่สุดก็ต้องเหนื่อยกว่าคนอื่นเป็นธรรมดา แต่จะทำอย่างไรดีที่จะทำให้คุณทำงานได้อย่างฉลาด สามารถสร้างสมดุลระหว่างการทำงานกับชีวิต (Work-Life Balance) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มิเช่นนั้นคุณจะกลายสภาพเป็นนักขาย “หมาล่าเนื้อ” ที่สมัยหนุ่มๆ เจ๋งก็จริง แต่พอแก่ตัวแล้วความก้าวหน้ากับไปไม่ถึงไหน
เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากเพื่อให้คุณมีเข็มทิศแห่งการทำงานที่สอดคล้องกับยุคปัจจุบันเพื่อให้คุณได้เวลาว่างหลังเลิกงานกลับคืนมาเพื่อไปพัฒนาตัวเองในด้านอื่น เช่น งานอดิเรก งานดูแลครอบครัว งานบ้าน การเรียนปริญญาโท ฯลฯ ผมจึงขอแชร์วิธีการทำงานอย่างฉลาดที่สามารถใช้ได้จริงและมีเวลาเหลือเฟือจนกลายเป็นผมได้อย่างทุกวันนี้ครับ
—————————————————————
1. ทำงานภายใต้เวลา 8 ชั่วโมงอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
นักขายก็มีเวลา 8 ชั่วโมงเหมือนกับอาชีพอื่นๆ นั่นแหละครับ เพียงแต่คุณต้องวางแผนให้ดีว่าทำอย่างไรถึงจะได้ขายภายในกรอบ 8 ชั่วโมงให้มากที่สุด เพราะปกติแล้วลูกค้าก็มีเวลาประมาณ 8 ชั่วโมงเพื่อทำงานเหมือนคุณ จงใช้เวลา 8 ชั่วโมงนี้ในการ “เข้าพบลูกค้า” หรือสร้างโอกาสในการเปิดการขายกับลูกค้าให้ได้มากที่สุด ตัวอย่างเช่น
คุณทำนัด 5 นัดภายใน 8 ชั่วโมงต่อ 1 วัน โดยจัดตารางเวลาดังนี้
9.00-10.00 นัดแรก
11.00-12.00 นัดที่สอง
13.00-14.00 นัดที่สาม
15.00-16.00 นัดที่สี่
17.00-18.00 นัดที่ห้า
ตารางนัดที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพและปริมาณจะทำให้คุณมีออฟฟิศใหม่ก็คือ “ออฟฟิศของลูกค้า” นั่นเองครับ เชื่อผมเถอะว่าทำได้จริง คุณต้องบริหารเวลาในการเข้าพบลูกค้าแต่ละเจ้าไม่ให้เกิน 1 ชั่วโมงและทำนัดกับลูกค้าที่ออฟฟิศไม่ได้ห่างกันมากจนเกินไป คุณขับรถไปเจอลูกค้าอีกที่ทันเวลาแน่นอนครับ
2. อย่าทำอะไรที่มันเสียเวลาและไม่เกี่ยวข้องกับการขาย
หมายความว่าคุณจะต้องตัดอะไรที่ไม่จำเป็นกับการขายออกไป ไม่ว่าจะเป็นการประชุมภายในที่บางทีก็แทบไม่มีประโยชน์เพราะไม่ได้เงิน หรือว่าการตอกบัตรตอนเช้าที่ไม่ได้ทำให้คุณรวยขึ้นถึงแม้ว่าจะมาตรงเวลา สู้เอาเวลานี้ไปหาลูกค้าดีกว่า จะดีมากถ้าเจ้านายของคุณเห็นด้วยกับคุณ สำหรับเจ้านายที่ไม่เห็นด้วย ให้คุณสร้างอำนาจต่อรองด้วยการบอกพวกเขาว่าจะไปหาเงินยามเช้าและมั่นใจว่าเอาเงินมาได้ชัวร์ๆ เชื่อเถอะว่าเจ้านายที่ฉลาดต้องปล่อยให้คุณออกไปล่าแน่นอน แต่เจ้านายที่ห่วยจะพยายามใช้ระเบียบวินัย (ซึ่งไม่ได้เงิน) และไม่เข้าใจว่าคุณจะนัดตอนเช้าไปทำไม ถ้าเจอสถานการณ์แบบนี้ให้ทำใจหรือไม่ก็หาที่ใหม่เอาไว้ล่วงหน้าได้เลยครับ หรือไม่ก็นั่งโทรทำนัดดีกว่า
3. หลังเลิกงานให้เอาเวลาไปพัฒนาตัวเองทุกวัน
คงไม่ดีแน่ถ้าคุณมีเวลาว่างหลังเลิกงานและถึงแม้ว่าจะทำนัดได้เยอะจนปิดการขายแล้วมีผลงานโดดเด่นก็จริง แต่มัวเสียเวลากับการเอาเวลาหลังเลิกงานไปลงกับขวดเหล้า ปาร์ตี้ ดูละครหลังข่าวหรือหนังในเน็ตฟลิกซ์มากเกินไปแล้วก็อาบน้ำนอน การทำงานอย่างฉลาดของคุณจะแทบไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง จำไว้นะครับว่าคนที่ประสบความสำเร็จจะแบ่งเวลาหลังเลิกงานเพื่อพัฒนาตัวเองในทุกๆ ด้าน และไม่ได้หมายความว่าเคร่งครัดเกินไปจนไม่ได้เจอความบันเทิงเลย คุณจึงต้องแบ่งเวลาให้ดีอย่างน้อยวันละ 1-2 ชั่วโมงหลังเลิกงาน ตัวอย่างเช่น
– ออกกำลังกายแบบมีเป้าหมาย เช่น จะมี 6 Packs จะมีหุ่นสุดสลิมเซ็กซี่ เป็นต้น มีแล้วดีต่อการขายแน่นอน
– อ่านหนังสือเกี่ยวกับการขาย การตลาด ธุรกิจ วันละ 1 ชั่วโมง
– เข้าเว็บไซต์หรือยูทูปติดตามบทความหรือวีดีโอเที่ยวกับกับเทคนิคการขาย การตลาด การพัฒนาตัวเอง
– ทำงานอดิเรกที่มีคุณค่าและสร้างรายได้ในอนาคตได้ เช่น เขียนบล็อก อัดคลิปยูทูป ตัดต่อวีดีโอ ฯลฯ
– อ่านบทความของเซลล์ร้อยล้านทุกวัน วันละ 1 เรื่อง (ฮา)
4. หายใจเข้าออกด้วยการหาลูกค้าใหม่ (ที่ใหญ่ๆ ยากๆ) ตลอดเวลา
สุดยอดความท้าทายของนักขายคือการเจอลูกค้ารายใหญ่ กระเป๋าหนา และมีมูลค่าการซื้อขายระดับสูง ซึ่งแน่นอนว่าคู่แข่งคุณคงรุมตอมหึ่ง เผลอๆ เป็นเจ้าถิ่นด้วยซ้ำ แถมองค์กรระดับนี้มัก “เข้าถึงยาก” เพราะมีคนใหญ่คนโตมากมาย ไม่รู้ว่าจะติดต่อใครดี ซึ่งจุดนี้แหละที่เป็นไมนด์เซ็ตสำคัญของนักขายที่ต้องหาวิธีหรือสืบค้นข้อมูลเพื่อให้ได้เจาะเข้าไปในนั้นให้ได้ตลอดเวลา เช่น การหาข้อมูลรายชื่อลูกค้าใหม่ใน LinkedIn.com, Facebook, เว็บไซต์ประชาสัมพันธ์ต่างๆ หรือแม้แต่การเข้าร่วมสัมมนาทางธุรกิจกับเรียนปริญญาโทเพื่อให้ได้มาซึ่งคอนเนคชั่นระดับสูงที่คุณต้องลงทุนกับตัวเอง รวมถึงเวลาที่ต้องลงแรงด้วย เชื่อเถอะว่าผลลัพธ์นั้นคุ้มค่าอย่างแน่นอน
นี่คือวิธีการทำงานอย่างฉลาด Work Smart, Play Hard ที่ทำเงินให้คุณได้เป็นกอบเป็นกำจากผมครับ
Comments
0 comments