ทางรอดของนักขายที่พูดมากจนคนอื่นบอกว่าขี้โม้

ผมพึ่งได้อ่านบทความเกี่ยวกับนักฟุตบอลระดับโลกคนหนึ่งที่ชื่อว่า ซลาตัน อิบราฮิโมวิช (Zlatan Ibrahimovic) ใครที่เป็นคอบอลต้องรู้จักทุกคน ซึ่งแกเป็นนักเตะที่ฝีเท้าโคตรสุดยอด เล่นทีมไหนก็ได้แชมป์หมด (ขาดแค่แชมป์โลก) ที่สำคัญคืออายุก็ปาไปเกือบ 40 แล้ว แต่ยังเล่นกับทีมใหญ่ๆ แบบฟิตปั๋งอยู่เลย 

แคแรคเตอร์ที่ทำให้คนอื่นจดจำของแกนอกจากฝีเท้าแล้วก็คือ “ฝีปาก” ครับ ซึ่งแกเคยพูดว่านักเตะระดับโลกอย่างโรนัลโด้กับเมสซี่นั้นเก่งในระดับมนุษย์ แต่แกคือเก่งในระดับ “พระเจ้า” ครับ! แกบอกว่าคนอื่นต้องเรียกแกพระเจ้าตอนอยู่กับแมนฯ ยู ถึงกับมีรูปภาพล้อเลียนหรือเรื่องแต่งเกี่ยวกับซลาตันที่เกี่ยวกับพระเจ้ามากมาย 

ประเด็นคือทั้งๆ ที่สังคมของคนทั่วโลกมักไม่ชอบคนที่มีบุคลิกมั่นใจแบบสุดโต่ง ขี้คุยขี้โม้ หรือทำตัวเด่นและพูดจาขวานผ่าซากแบบไม่กลัวใคร แต่ซลาตันเป็นนักเตะที่นอกจากฝีเท้าดี ฝีปากของเขาก็ยังดีอีกด้วย ที่สำคัญคือคนทั้งโลกแทบไม่มีใครเกลียดเขาเลย คงมีบ้าง แต่ก็ไม่มาก และเขายังได้รับการยอมรับในระดับสูงเสมอมา 

ผมจึงเอามาผูกเรื่องกับบุคลิกส่วนตัวของนักขายบางประเภทนะครับ เนื่องจากคนเราก็เกิดมาโดยมีภูมิหลังต่างกัน ร้อยพ่อพันแม่ คงไม่มีนักธุรกิจหรือนักขายคนไหนที่จะต้องมีบุคลิกเหมือนกันไปตลอด คนหน้าตาเด็กเรียนพูดน้อยก็เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้ไม่แพ้คนที่เพื่อนเยอะ เฮฮา การเปลี่ยนนิสัยส่วนตัวนั้นเปลี่ยนกันยากมากๆ มีคนรวยมากมายที่ดูสมถะ ถ่อมตน คนก็ชื่นชม แต่ก็มีคนรวยที่ชอบโชว์พาว ขี้คุย แต่ก็ยังมีคนชื่นชม 

ถ้าคุณเป็นบุคคลที่คนรอบข้างมักบอกว่าคุณขี้คุย ขี้โม้ และพยายามที่จะแก้ไขหรือเปลี่ยนนิสัยให้เป็นคนที่คุณคิดว่าดีกว่า ขอบอกเลยว่าไม่ต้องคิดจะเปลี่ยนนิสัยหรือ “สันดาน” ของคุณนะครับ เพราะมันเปลี่ยนอยาก แต่มาดูวิธีปรับตัวให้เข้ากับบุคลิกขี้คุย ขี้โม้ และประสบความสำเร็จด้านการขายจากผมกันดีกว่าครับ และมาดูกันว่าทำไมซลาตันที่ดูเป็นสิงห์จอมโว แต่เขาก็ยังเป็นที่รักของคนทั้งโลก (เชื่อผมเถอะ ผมก็เคยขี้คุย ฮา)

1. ก่อนจะโม้ต้องโชว์ให้ดูก่อนเสมอ

วิธีการสร้างบารมีและทำให้คนมองว่าความขี้คุยของคุณเป็นเรื่องขำๆ ก็คือการลงมือทำให้พวกเขาดูก่อน สำหรับนักขายก็มีวิธีการง่ายๆ อย่างเช่นเวลาคุณจะคุยว่าคุณเก่งจนเป็นท็อปเซลล์ จากที่เป็นฝ่ายพูดก่อนว่ากูทำได้ ก็ลองเปลี่ยนมาเป็นการลงมือทำก่อน พอผลลัพธ์ยอดเยี่ยม คุณถึงจะเริ่มคุยหรืออวดตามนิสัยของคุณได้นั่นเองครับ อย่างน้อยคนฟังที่ถึงจะหมั่นใส้คุณก็จริง แต่ยังไงเขาก็ยอมรับแน่นอนว่าคุณคือของจริงครับ

2. การโม้ที่ดีต้องมีผลงานที่ทำสำเร็จก่อนหน้านี้มาโชว์

คนขี้โม้คือคนที่พูดแล้วแต่ทำไม่ได้หรือไม่เคยทำได้จริงแล้วบอกว่าตัวเองทำได้ ซึ่งต่างกับ “คนขี้คุย” ก็คือพวกเขาทำได้แล้ว ถึงคุยให้คุณฟังบ่อยๆ ถ้าคุณอยากทำให้คนฟังเชื่อว่าคุณทำได้จริงและไม่โดนนินทาว่าไอ้ขี้โม้ วิธีก็คือให้เอาหลักฐานอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ เช่น รูป วีดีโอ สไลด์ ฯลฯ ประกอบการโม้ของคุณด้วย วิธีการนี้เป็นส่วนสำคัญของการขายแบบองค์กรเวลาเอาพอร์ทลูกค้าที่สำเร็จไปคุยให้ลูกค้าฟังยังไงล่ะครับ ลูกค้าส่วนใหญ่จะเชื่อถือข้อมูลที่สำเร็จแล้วอยู่แล้ว

3. สร้างเครดิตส่วนตัวให้แข่งแกร่ง

“เครดิต” หมายถึงสิ่งต่างๆ ที่เคยสะสมมาเกี่ยวกับวิชาชีพนั้นๆ การสร้างเครดิตที่ดี การันตีเชื่อใจได้นั้นต้องใช้ระยะเวลายาวนาน ที่สำคัญคือ การจะได้เครดิตนั้น แค่คำพูดอย่างเดียวไม่สามารถทำให้มันเกิดขึ้นได้ แต่ต้องทำให้ได้จริงๆ เสียก่อน ดังนั้นนักขายขั้นเทพเบื้องหลังก่อนจะโม้ก็คือการซ้อมหนัก ลงมือโทรทำนัด พบลูกค้า ปิดการขายอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการขายที่มีความยาก มูลค่าสูง คู่แข่งเยอะ และต้องเข้าพบกับลูกค้าระดับสูง สิ่งเหล่านี้แหละครับคือชั่วโมงบินที่จะทำให้คุณได้รับการยอมรับและทำให้คนอื่นเกลียดไม่ลง

ที่มาเพิ่มเติม: Main Stand: ซลาตัน อิบราฮิโมวิช : ชายผู้มั่นหน้าซะจนหน้ามั่น ที่สุดท้ายใครๆ ก็เกลียดไม่ลง

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts

ใส่ความเห็น