วิธีฟื้นฟูตัวเองจากความผิดหวังด้านการขาย

ผมเขียนถึงบทความที่ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จด้านการขายมาเยอะอยู่พอสมควร แต่ผมย่อมรู้ดีว่าธรรมชาติของความสำเร็จของทุกสิ่ง ก็ย่อมมี “ความล้มเหลว” หรือความผิดหวังเคียงข้างความสำเร็จเลยก็ว่าได้

เช่น ทีมฟุตบอลระดับโลกที่ประสบความสำเร็จเพราะพวกเขา “เอาชนะ” คู่ท้าชิงจนผู้แพ้ต้องกลายเป็นผู้ผิดหวัง การขายในองค์กรเองก็เช่นกัน แม้แต่ทีมขายของคุณเองที่ถ้าคุณเป็นท็อปเซลส์ยืนอยู่เบอร์ 1 ก็ย่อมมีเซลส์ที่อยู่ใต้คุณในอันดับที่ 2 หรือ 3 หรือแม้แต่ที่โหล่ ภายใต้ความยินดีก็ย่อมมี “ผู้ผิดหวัง” เป็นธรรมดา 

ซึ่งจุดกำเนิดของความผิดหวังก็คือการขายที่ล้มเหลวและโดนปฎิเสธจากลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณตั้งใจและคาดหวังกับผลงานช่วงสิ้นปีนี้มากๆ มั่นใจว่าตนเองได้ลงมือทำงานอย่างหนักตามกระบวนการขายแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ผลลัพธ์ที่สมหวังดั่งใจ ผมเชื่อว่าใครหลายๆ คนย่อมรู้สึกล้มเหลวจนเลยเถิดไปถึงอาการ “หมดไฟ” เลยก็ได้

ผมจึงขออาสาช่วยฉุดคุณออกมาจากหลุมดำแห่งความล้มเหลวพร้อมกับวิธีฟื้นฟูสภาพจิตใจให้กลายเป็นคนใหม่ที่แกร่งกว่าเก่าอย่างแน่นอน ที่ผมพูดได้ขนาดนี้เป็นเพราะผมเป็น “ผู้เชี่ยวชาญด้านความล้มเหลว” มาก่อนยังไงครับ

1. ปลดปล่อยความเสียใจให้มากพอ

ไม่ผิดที่คุณจะรู้สึกโศกเศร้า ไม่จำเป็นต้องหลอกตัวเองว่าเข้มแข็งและเอาอยู่กับสถานการณ์เหล่านี้ได้ จงให้เวลากับตัวเองเงียบๆ และปลดปล่อยความเสียใจออกมา ไม่ผิดที่คุณจะร้องไห้หรือเขียนระบายความในใจลงบนพื้นที่ส่วนตัวของตนเอง แต่ก็ต้องระมัดระวังคำพูดโดยเฉพาะในโซเชี่ยลมีเดียที่ไม่ควรใช้การระบายที่เต็มไปด้วยอารมณ์ผิดหวังเคียดแค้น เพราะคุณจะยิ่งรู้สึกแย่และคนอื่นมองคุณว่าไม่สามารถแก้ปัญหาเหล่านั้นได้ การพูดคุยหรือระบายกับคนสนิทที่ไว้ใจได้ ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน เพื่อนสนิท แฟน ครอบครัว ก็ถือว่าเป็นทางออกที่ดีครับ

2. ทบทวนตัวเองเกี่ยวกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น

การทบทวนไม่ได้หมายถึง “การโทษคนอื่น” และการโทษตัวเองที่มากเกินไปก็ไม่ได้เป็นทางออกที่ดีเช่นกัน เพราะมันจะทำให้คุณเริ่มรู้สึกว่าตัวเองนั้นด้อยค่า ประเมินตัวเองต่ำกว่าความเป็นจริง ทั้งๆ ที่ปัญหาด้านการขายที่ไม่ดีนั้นมีทางออกเสมอ จงใช้สติวิเคราะห์ความผิดพลาดที่ผ่านมาว่าเกิดจากอะไร “แบบเป็นเหตุเป็นผล” เช่น ยอดขายไม่มาเพราะลูกค้าที่คุยส่วนใหญ่เป็นพนักงานระดับกลางๆ และไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจ จำนวนลีดลูกค้าใหม่ไม่เพียงพอ แพ้คู่แข่งจนเสียลูกค้าขาประจำ (Key Account) สินค้าขาดคุณสมบัติใหม่ๆ เป็นต้น เมื่อเข้าใจปัญหาก็จะเกิดปัญญา ทำให้คุณเริ่มต้นการแก้ปัญหาเพื่อปรับปรุงการทำงานใหม่ให้ดีขึ้นอย่างแน่นอน

3. มองหาที่ปรึกษาหรือกุนซือที่น่าเชื่อถือและประสบความสำเร็จ

จะดีกว่าไหมถ้าคุณวิเคราะห์ปัญหาด้านการขายออกมาแล้วนำไปปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านการขายและเล่าให้พวกเขาฟัง ที่ปรึกษาที่เหมาะสมที่สุดก็คือ “เจ้านายที่ดี” แต่ถ้าคุณกลัวเกินกว่าที่จะขอคำปรึกษาโดยตรงจากพวกเขา การขอคำแนะนำจากท็อปเซลล์ในทีมของคุณก็เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมเพราะพวกเขาจะช่วยคุณหาคำตอบของการแก้ไขปัญหารวมถึงแนะนำวิธีการทำงานที่ถูกต้องได้โดยตรง แต่ถ้าไม่มีใครเลยก็ไม่ต้องเสียใจนะครับ อย่างน้อยคุณก็มี “กูนี่แหละเซลล์ร้อยล้าน” ที่คุณอ่านบทความอยู่ในขณะนี้เป็นที่ปรึกษาที่จะช่วยคุณไปตลอดกาล

4. ปรับปรุงการทำงานใหม่โดยเฉพาะการเพิ่มกิจกรรมการขาย

เป็นวิธีที่ง่ายและตรงไปตรงมาที่สุด เปรียบเทียบง่ายๆ ก็คือคุณเป็นนักมวยที่พึ่งโดนน๊อคจนเสียเข็มขัดแชมป์โลกมาหมาดๆ หน้าปูดตาบวม แถมยังโดนคนก่นด่าไปทั่ว คุณย่อมรู้ดีว่าไม่มีอะไรทำให้คุณกลับไปเป็นแชมป์โลกได้นอกจากการซ้อมให้หนักในโปรแกรมการฝึกที่ดีกว่าเดิม ซึ่งถ้าคุณเป็นนักขาย การกลับไปไล่ดูกระบวนการขาย (Sales Process) ใหม่หมดตั้งแต่

– ลีดลูกค้าใหม่ที่ดีกว่าเดิม จากในมือมีอยู่ 100 รายชื่อก็เพิ่มเป็น 200 รายชื่อ

– โทรทำนัดลูกค้าตำแหน่งสูงๆ มากขึ้นกว่าเดิม จากนัดวันละ 2 นัดก็เพิ่มเป็น 4-5 นัด

– นำเสนอให้เฉียบคมจนออกใบเสนอราคามากกว่าเดิม เพราะคุณเจอลูกค้าเยอะขึ้น โอกาสได้บรีฟงานก็มากขึ้น

– ติดตามงานลูกค้ามากขึ้นกว่าเดิม ทั้งเจอหน้าและโทรไปสอบถาม ซึ่งก็จะทำให้กิจกรรมโทรนัดคุณมากขึ้น

– ปิดการขายได้มากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน เพราะคุณลงมือทำงานหนักตั้งแต่การหาลูกค้าใหม่ ทำนัด นำเสนอ

– ขายเพิ่มหรือขายซ้ำกับลูกค้าเจ้าเดิมที่ดีเพื่อดึงยอดขายออกมาให้มากที่สุด

จากกิจกรรมด้านการขายที่คุณได้ลงมือทำเพิ่มขึ้นเป็น 2-3 เท่า แบบมีหลักการและสอดคล้องกับกระบวนการขายจะทำให้คุณมีไปป์ไลน์และส่งผลต่อยอดขายแบบไม่มีฟลุ้กเด็ดขาด เพราะตัวเลขไม่เคยโกหกใครนั่นเองครับ

5. สอบถามลูกค้าโดยตรงถึงเหตุผลที่ไม่ซื้อคุณแล้วนำไปปรับปรุงตัว

สุดยอดความสำเร็จก็คือความล้มเหลว ใช่ครับ ไม่มีใครที่ประสบความสำเร็จโดยไม่เคยล้มเหลวมาก่อน จริงอยู่ที่ลูกค้าไม่ซื้อก็คือผลลัพธ์แห่งความล้มเหลวด้านการขายโดยสรุป แต่จะดีกว่าไหมถ้าคุณขอโอกาสในการสอบถามลูกค้าเกี่ยวกับเหตุผลที่คุณถูกปฎิเสธอย่างจริงใจ ลูกค้าที่ดีกับคุณมากๆ จะให้เหตุผลตรงๆ หรือที่เรียกว่า “เหตุผลที่ซ่อนอยู่” โดยเฉพาะอะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการซึ่งก็คือตัวคุณ​ เช่น คุณมีบุคลิกบางอย่างที่พวกเขาไม่ชอบ คุณยังดูไม่มีความน่าเชื่อถือ คุณยังติดตามงานได้ไม่ละเอียดพอ เป็นต้น ซึ่งเหตุผลเหล่านี้แหละที่ถ้าคุณเปิดใจรับมันได้และนำไปปรับปรุงตัวเองทันที ผลลัพธ์ที่ดีก็คือคุณจะไม่ก่อความผิดพลาดในการขายครั้งถัดไปแน่นอน

นี่คือวิธีฟื้นฟูตัวเองจากความผิดหวังแบบจับต้องได้และลงมือทำได้จริงจากผมครับ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts

ใส่ความเห็น