วิธีการทำการตลาดออนไลน์ให้กับแบรนด์ยุคใหม่
บทความนี้เป็นบทความแรกของเซลล์ร้อยล้านที่จะพูดถึง “การตลาด” (Marketing) สำหรับแบรนด์ยักษ์ใหญ่เลยก็ว่าได้ เนื่องจากเซลล์ร้อยล้านเองก็เป็นนักขายที่ทำธุรกิจอยู่ในวงการสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีทางการตลาด (Marketing Technology:MarTech)
และลูกค้าของผมเองส่วนใหญ่ก็จะเป็นฝ่ายการตลาดขององค์กรยักษ์ใหญ่ เรียกได้ว่าแบรนด์ไหนที่คุณหลับตาแล้วรู้จัก ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือบริการอะไรในวงการใดๆ ก็ตาม ผมได้เข้าพบลูกค้าฝ่ายการตลาดไปจนถึง CEO จนแทบพรุนไปทั้งวงการแล้ว
ผมจึงได้เรียนรู้ธุรกิจของลูกค้าที่หลากหลาย ความท้าทายทางธุรกิจของพวกเขาก็คือความท้าทายของผมเองเช่นกันในการเป็นส่วนหนึ่งให้พวกเขาเป็น “ผู้ชนะ” ในสงครามธุรกิจ ประสบการณ์ที่สั่งสมมากับลูกค้าระดับผู้บริหารฝ่ายการตลาด (Chief Marketing Officer) ไปจนถึงประธานบริษัท ทำให้ผมพร้อมแล้วที่จะแบ่งปันความรู้ด้านการตลาดระดับสูงตามมาตรฐานระดับโลกให้กับคุณครับ
และนี่คือวิธีการทำการตลาดออนไลน์ที่ได้มาตรฐานสำหรับนักการตลาดองค์กรทุกท่านครับ
1. ทำความเข้าใจกับสินค้าและบริการของคุณอย่างถ่องแท้ก่อนเสมอ
เป็นจุดเริ่มต้นของการทำกิจกรรมด้านการตลาดเลยก็ว่าได้ เงื่อนไขของการทำความเข้าใจมีดังนี้
– สร้างขึ้นมาทำไม
– สร้างขึ้นมาเพื่อขายใครและพวกเขาได้ประโยชน์อะไร
– กลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมกับสินค้าและบริการของคุณ
– ลูกค้าของคุณอยู่ที่ไหน
– กำไรที่ต้องการ
– เป้าหมายเรื่องรายได้ที่ต้องการ
– ฯลฯ
ทุกอย่างที่ต้องทำก็เพื่อการวางแผนเรื่องการทำกิจกรรมด้านการตลาดที่เหมาะสมกับแบรนด์ของคุณ ที่สำคัญกว่านั้นคือการใช้มุมมองของฝั่งลูกค้าในการมองมาที่แบรนด์ของคุณว่าพวกเขาจะรู้สึกอย่างไรและได้อะไรจากการใช้สินค้าของคุณนั่นเองครับ ความเข้าใจที่ดีจะทำให้คุณวางแผนการตลาดได้อย่างแม่นยำขึ้น คุ้มค่ากับเงินที่ต้องลงทุนในเรื่องที่ต้องจ่ายไปครับ
2. เลือกใช้ “สื่อ” ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ
เรื่องของการตลาดมีกิจกรรมที่ทุกคนรู้แน่นอนว่ามันคืออะไร นั่นก็คือ “การโฆษณา” ซึ่งจะมีสื่อโฆษณาแบบเข้าใจง่ายในยุคนี้สองอย่างคือแบบออนไลน์ เช่น โซเชี่ยลมีเดียอย่างเฟซบุ้ค ไอจี ทวิตเตอร์ ยูทูป หรือทีวี วิทยุ อีเมลล์ ซึ่งเป็นสื่อหลักของยุคนี้เลยก็ว่าได้ เป็นต้น และแบบออฟไลน์ เช่น ป้ายแห้งๆ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร โบรชัวร์ เป็นต้น คุณจะต้องวิเคราะห์จากตัวสินค้าให้แตกฉานว่าสื่อไหนเหมาะกับสินค้าของคุณ ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ “ลูกค้า” ซึ่งแต่ละสื่อจะทำโฆษณาให้ตรงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแตกต่างออกไป เช่น เฟซบุ้คเหมาะกับทุกเพศทุกวัย ไอจีเหมาะกับรูปภาพสวยๆ กับคนรุ่นใหม่ เป็นต้น การเลือกใช้สื่อให้ถูกต้องจะทำให้การโฆษณาสัมฤทธิ์ผล
3. เน้นไปที่การทำโฆษณาสร้างเนื้อหาที่ลูกค้าได้รับแล้วจะได้ประโยชน์
หมดยุคแล้วกับการทำโฆษณาที่เอาแต่โม้สรรพคุณของตัวเอง ลูกค้ายุคนี้ไม่ได้โง่ ที่สำคัญคือพวกเขามีตัวเลือกมากมายก่อนการตัดสินใจซื้อ โลกออนไลน์ทำให้พวกเขาสืบค้นหาข้อมูลได้ง่ายเพียงแค่ปลายนิ้ว เวลาคุณทำโฆษณาจะต้องสร้างเนื้อหา (Content) ที่มีประโยชน์ต่อตัวลูกค้าจริงๆ งดพูดถึงเรื่องตัวเอง แต่เลือกที่จะนำเสนอสิ่งที่ลูกค้าจะได้ เช่น การนำเสนอสินค้าเกี่ยวกับของแต่งรถยนต์ที่มุ่งเน้นสิ่งที่ลูกค้าจะได้เรื่องของความสวยงาม ภาคภูมิใจ ได้ใช้สินค้ามาตรฐาน ทนทาน เป็นต้น ลดคำพูดเกี่ยวกับตัวสินค้าเองว่ามันเจ๋งอย่างโน้นอย่างนี้ เมดอินเยอรมัน ของแท้ อะไรทำนองนั้น
4. มุ่งเน้นไปที่การทำโฆษณาที่ปรับแต่งเฉพาะบุคคล (Personalization) ให้มากยิ่งขึ้น
การ์ทเนอร์ (Gartner) บริษัทด้านงานวิจัยระดับโลกกล่าวไว้ว่า ผู้คนจะสนใจโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของพวกเขาเท่านั้น หมายความว่าลูกค้าจะมีความสนใจโฆษณาที่ตรงกับพวกเขาจริงๆ ส่วนโฆษณาที่ไม่ตรง เช่น ผ้าอ้อมเด็กที่โฆษณาไปหากลุ่มเด็กนักศึกษา ถือว่าไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย พวกเขาจะรำคาญและบล๊อกโฆษณาเหล่านั้น เป็นต้น โฆษณาที่ตรงกลุ่มเป้าหมายไม่ใช่เพียงแค่ภาพลักษณ์สินค้าเท่านั้น แต่ต้องใช้ข้อความ งานวีดีโอ หรือเนื้อหาที่ตรงกลุ่มเป้าหมายเหล่านั้น เช่น คุณโฆษณาทั้งประเทศก็จริง แต่ถ้าเป็นภาคเหนือคุณใช้ข้อความภาษาเหนือ ภาคใต้คุณใช้ภาษาใต้ ภาคอีสานคุณใช้ภาษาอีสาน เป็นต้น รายละเอียดพวกนี้จะสร้างความเข้าถึงได้มาก
5. เลือกใช้ผู้มีอิทธิพลแบบไมโคร (Micro Influencer) ที่มีความน่าเชื่อถือในการพูดแทนคุณ
จริงๆ แล้วการใช้พรีเซนเตอร์มันเวิร์กตั้งแต่รุ่นพ่อคุณแล้ว ยิ่งดาราดังมากเท่าไหร่ แบรนด์สินค้าก็มักจะขายดีตามเงินที่จ่ายให้พวกเขามากขึ้นเท่านั้น เพียงแต่ยุคออนไลน์มันไม่เวิร์กอีกต่อไปแล้ว เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ดูทีวี แต่จะดูสิ่งที่ตัวเองสนใจในโลกออนไลน์ เช่น ติดตามดูรายการที่ตัวเองชื่นชอบบนยูทูป ติดตามบล็อกเกอร์หรือยูทูเบอร์ที่ตัวเองสนใจ อ่านเพจที่ตัวเองได้ประโยชน์ เป็นต้น
ที่สำคัญคือเหล่าคนดังในโลกออนไลน์จะเป็นผู้รู้จริงเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาทำ บางคนมีคนติดตามมากกว่าดารานักร้องเสียอีก ทำให้พวกเขามีอิทธิพลมากในการพูดแทนแบรนด์และทำให้การพูดถึงนั้นตรงกลุ่มเป้าหมายก็คือเหล่าผู้ติดตามมากที่สุด นอกจากจะประหยัดงบโฆษณาแล้ว คุณยังสามารถจ้างเหล่าไมโครฯ ได้หลายคนมากกว่าการเอาเงินไปจ้างดาราซึ่งอาจจะจ้างได้คนเดียวอีกด้วย
มีชิ้นงานอีกหลายชิ้นที่ผมอยากเขียนเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์แบบผู้รู้จริงมากๆ เลยครับ โปรดติดตามกันต่อไปเลยนะครับ
Comments
0 comments