เป็นมนุษย์เงินเดือนอย่างไรให้รวย

วันนี้ผมขับรถแล้วเห็นสติ๊กเกอร์ติดท้ายปิ๊กอัพว่า “วัยรุ่นสร้างตัว” ก็เลยมีความคิดขึ้นมาเลยเกี่ยวกับเด็กรุ่นใหม่ในโลกโซเชี่ยลที่ยังอ่อนด๋อยพรรษาและคิดไปเองว่าถ้าอยากรวยจะต้อง “ทำธุรกิจด้วยตนเอง” เพียงเท่านั้น

จึงทำให้พวกเขาเหล่านี้มักดูถูกงานออฟฟิศและชอบพูดจาซี้ซั้วว่า “ลงทุนเรียนเทอมละ 50,000 เพื่อมารับเงินเดือนแค่ 15,000” ซึ่งมันเป็นคำดูถูกที่เย้ยหยันและบ่งบอกถึงกะลาแคบๆ ในหัวของพวกเขา ผมเข้าใจดีครับเพราะว่าตอนจบใหม่ก็เคยมีความคิดแบบนี้เช่นกัน แต่แล้วความคิดเหล่านั้นก็ต้องเปลี่ยนไป

เชื่อผมมั้ยครับว่าประเทศไทยมีมนุษย์เงินเดือนสามารถมีเงินเดือนหลักแสนไปจนถึง “หลักล้าน” ต่อเดือน หรือแม้แต่ตอนนี้ก็มีคนที่รวยจากการเป็นแค่มนุษย์เงินเดือนตามที่คุณเคยเหยียดหยาม คนที่คุณว่านั้นก็คือผมคนนี้นี่แหละครับ

ผมจึงอยากแชร์วิธีรวยด้วยการเป็นแค่มนุษย์เงินเดือนซึ่งผมสามารถทำได้จริง เรียกได้ว่าทำงานสบาย ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย มีทีมงานที่ยอดเยี่ยมคอยช่วยเหลือ มียศถาบรรดาศักดิ์ให้คุณได้สัมผัสซักครั้งในชีวิตแน่นอน

1. เลือกทำงานที่เกี่ยวข้องกับการได้เงินของบริษัท

บริษัทหรือธุรกิจเอกชนถูกสร้างมาเพื่อ “แสวงหาผลกำไร” พวกเขาจึงไม่ได้จ้างคุณเพื่อมา “ทำการกุศล” แต่ทำให้พวกเขาได้เงินเพิ่มขึ้นต่างหาก ดังนั้นหน่วยงานที่ส่งผลต่อรายได้ของบริษัทโดยตรงก็คือฝ่ายขายและฝ่ายการตลาด ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบธุรกิจ เช่น ธุรกิจแบบ B2B จะต้องอยู่ฝ่ายขายเพราะเป็นตัวหลักในการหาเงินเข้าบริษัท ส่วนธุรกิจ B2C อย่างแบรนด์สินค้ายักษ์ใหญ่ ฝ่ายหาเงินตัวหลักคือฝ่ายการตลาด เป็นต้น คุณย่อมกลายเป็นคนสำคัญที่สุดขององค์กรอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าเจ๋งจริง เนื้อของคุณจะหอมและมีค่าตัวสูงกว่าชาวบ้านครับ

2. เลือกทำงานที่มีค่าตอบแทนจากการขาย

จะเอารวยแบบยั่งยืนและทำมากได้มาก ถ้าคุณไม่ได้ทำอาชีพพิเศษอย่างหมอ นักบิน ผู้พิพากษา มีอยู่อาชีพเดียวที่สามารถสร้างผลตอบแทนเหนือกว่าเหล่านักบินเป็นฝูงได้เลยก็คืออาชีพนักขายหรือนักธุรกิจ เพราะอาชีพนี้เป็นอาชีพที่หลายๆ องค์กรจะมีค่าตอบแทนจากการขายหรือค่าคอมมิชชั่น ซึ่งจะคิดจากยอดขายหรือกำไรมามอบให้คุณอีกทีหนึ่ง คุณจึงสามารถฝันหวานไปกับการได้ค่าคอมมิชชั่นหลักแสนหรือหลักล้านได้เลย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบธุรกิจ ยิ่งธุรกิจมีกำไรสูงก็ยิ่งสามารถจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้พนักงานขายได้มาก

3. เลือกทำงานกับบริษัทที่อยู่ในช่วง “ขาขึ้น”

จะเป็นคนรวยก็ต้องอ่านกระแสธุรกิจให้เป็น ไม่ใช่ทำอะไรที่มีแต่คู่แข่งเต็มไปหมด หรืออยู่ในช่วงตลาดขาลง ต่อให้ขายเก่งแค่ไหน ทู่ซี้ต่อไปก็ไม่มีทางโกยผลประโยชน์ได้มากเท่าไหร่ จงติดตามข่าวสารในวงการที่คุณอยู่หรือวงการที่คุณสนใจว่ามีความเคลื่อนไหวอย่างไร เช่น คุณรู้ว่ากระแสของธุรกิจตอนนี้คือดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง คุณจึงให้ความสนใจกับงานขายโซลูชั่นด้านมาร์เกตติ้งเทคโนโลยี เป็นต้น ในทางตรงกันข้าว ถ้าคุณยังอยู่ในธุรกิจขาลงและหมดกระแส เช่น ธุรกิจขายโฆษณาแบบออฟไลน์ ธุรกิจขายนิตยสาร ธุรกิจนายหน้าค้าหุ้น ฯลฯ คุณจะอยู่ในช่วงที่ขายยากและสุดท้ายก็โทษว่าเป็นเพราะเศรษฐกิจไม่ดี

4. เลือกย้ายงานเมื่อคุณอยู่ในช่วงท็อปฟอร์มสุดขีด

อยากรวยสไตล์มนุษย์เงินเดือนก็ต้องทำตัวให้เหมือนซูเปอร์สตาร์นักฟุตบอลแข้งทองที่มีผลงานเป็นรูปธรรมจับต้องได้ด้วยฟอร์มการเล่นที่ผ่านมา คุณเองก็เช่นกัน ถ้าทำผลงานสุดยอดมาแล้ว ทุกครั้งจงอย่าลืม “บอกให้โลกรู้” ด้วยการถ่ายรูป อัพรูปลงเฟซบุ้ค และที่สำคัญคือ “LinkedIn” ซึ่งลิ้งก์อินจะเป็นพื้นที่ให้คุณได้โม้อย่างเต็มที่ เนื้อคุณจะหอมจนมีเหล่า Head Hunter, Recruiter ตามจีบหัวกระไดไม่แห้ง จงมองหาบริษัทชื่อดังที่ดูรวยและมีตำแหน่งใหญ่กว่าปัจจุบัน ถ้าพวกเขาเป็นฝ่ายจีบคุณหรือคุณขายตัวเองหาพวกเขาก่อน คุณจะมีอำนาจต่อรองสูงเพราะว่าผลงานบริษัทปัจจุบันคุณทำได้ดี คุณจึงมีโอกาสเรียกเงินเดือนมากถึง 200% เลยล่ะครับ

5. ตั้งเป้าให้ได้เงินเดือน 100,000 ก่อนอายุ 30 ให้ได้

ย้ายงานช่วงท็อปฟอร์มทุกๆ 2 ปีคือกลยุทธที่ดีในการอัพค่าตัวให้ผ่านกำแพงหลักแสน ทุกครั้งที่ย้ายงานจะต้องได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% เสมอ และบริษัทที่ย้ายงานต้องใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตำแหน่งดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งคุณสามารถทำได้เพราะว่าฟอร์มการขายคุณนั้นเจ๋งจริงๆ ต่อให้ย้ายงานบ่อยๆ แต่ใครก็อยากจ้างคุณเพราะมันพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าคุณย้ายไปไหนคุณก็ขายของได้ ตัวอย่างกลยุทธอัพค่าตัวทะลุ 200,000 มีดังนี้

อายุ 23 จบใหม่เงินเดือน = 15,000-25,000

อายุ 25 ย้ายงานตอนเก่ง = 45,000-50,000

อายุ 27 ย้ายงานขึ้นสู่ระดับผู้จัดการเริ่มต้น = 70,000-100,000

อายุ 30 ถูกซื้อตัวหรือหาเรื่องย้ายงานเป็นระดับ Head = 150,000-250,000

อายุ 33 เป็นระดับ C-Level เงินเดือน > 300,000-500,000

ก็ต้องขอบอกว่าเป็นไปได้ทั้งนั้น เพราะคนที่คุณว่าก็คือผมนี่แหละครับ

6. เลือกทำงานกับบริษัทสตาร์ทอัพหรือบริษัทที่แจกหุ้นพนักงาน

ตอนสมัครงานใหม่จงเลือกดีๆ ว่าบริษัทเหล่านั้นรวยจริงหรือไม่ ถ้ารวยมากและมีเงินเยอะจากการระดับทุน (Raised Funding) โดยเฉพาะเหล่าบริษัทสตาร์ทอัพข้ามชาติที่เริ่มเปิดสำนักงานในไทยมาไม่นาน คุณมีสิทธิ์ได้หุ้นพนักงาน (Employee Stock Ownership Plan) ซึ่งเป็นหุ้นก่อนเข้าสู่ช่วง IPO เป็นบริษัทมหาชน ถ้าคุณช่วยทำงานให้บริษัทเข้าตลาดได้ คุณจะได้รับหุ้นที่มีมูลค่าตลาด ณ เวลานั้น ซึ่งอาจจะมีมูลค่าสูงเป็นสิบล้าน ร้อยล้าน เลยก็ได้ เปรียบเสมือนกับ “หวยร้อยล้าน” สำหรับคนทำงานที่ทำให้คุณเกษียณได้เลยล่ะครับ

7. เรียนปริญญาโทในหลักสูตรชั้นนำของประเทศ

การเรียนโทคือการลงทุนให้ตัวเอง แต่จะเรียนอย่างมีชั้นเชิงก็ต้องเรียนแล้วได้เงินหรือต้องรวยขึ้น ซึ่งคุณต้องไปเจอคนที่รวยกว่าคุณเยอะๆ และทำตัวให้ดีเพื่อที่จะได้มีคอนเนคชั่นเทพๆ จากคนระดับบน กลุ่มเพื่อนในคลาสปริญญาโทจะช่วยให้คุณรวยขึ้นไปอีกด้วยคอนเนคชั่นทางธุรกิจที่คุณต้องเลือกใช้ให้เป็น บางทีถ้าพวกเขาเห็นความสามารถของคุณในตอนที่เรียนด้วยกัน คุณมีสิทธิ์ทำธุรกิจของพวกเขาได้ง่ายๆ แบบไม่ต้องใช้เงินซักบาทเลยล่ะครับ

8. เอาเงินที่ได้มาไปทำธุรกิจส่วนตัวหรือลงทุน

จงอย่าหวังรวยกับจากงานประจำเพียงอย่างเดียว จงหาเงินหลายๆ ทาง ถ้ารายได้คุณสูงมาก อย่าลืมเก็บเงินและเอาไปลงทุนแบบกระจายรายได้ หรือลองลงทุนทำธุรกิจส่วนตัวที่ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงด้วยเงินก้อนสูงๆ หรือกู้มา ถ้ามันเวิร์กก็ค่อยต่อยอดไปเรื่อยๆ วิธีการทำธุรกิจก็ลองศึกษาจากเว็บไซต์ทั่วๆ ไปได้เลยครับ หรือว่าอ่านเซลล์ร้อยล้านทุกวันนี่แหละ เดี๋ยวผมสอนคุณให้ทุกวัน

นี่คือวิธีเป็นมนุษย์เงินเดือนให้รวยด้วยเคล็ดลับจากผมครับ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts

ใส่ความเห็น