ทำความรู้จัก TikTok แพลทฟอร์มที่ฮอตที่สุดในชั่วโมงนี้และวิธีลงโฆษณา
วันนี้ผมขอเขียนบทความที่เกี่ยวกับแพลทฟอร์มโซเชี่ยลมีเดียที่มาแรงที่สุดแห่งยุค นั่นก็คือ TikTok (อ่านว่าติ๊กต่อก) นั่นเองครับ ที่ผมมั่นใจว่าเรื่องนี้สามารถข้อมูลที่แท้จริงได้ เพราะว่าธุรกิจของผมเป็น Authorized Partner อย่างเป็นทางการและมีการร่วมงานกับ TikTok หลากหลายแคมเปญ
ชั่วโมงนี้ ผมเห็นตั้งแต่เด็กมัธยมไปจนถึงเซเลปเบอร์ใหญ่ รวมทั้งคนรู้จักรอบตัวผม (Gen-Y) ทำคลิปตลกอย่างมหาศาล (โดยเฉพาะเพลงเจน นุ่น โบ) ด้วยความร้อนแรงของมันนั้น ทำให้แบรนด์สินค้ามีความสนใจที่จะเข้ามามีส่วนร่วม (Engagement) ร่วมกับ TikTok กันอย่างล้นหลาม
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับ TikTok ด้วยข้อมูลอัพเดทล่าสุดที่ผมได้มาจากบริษัท Bytedance ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ TikTok กันอย่างเป็นทางการดีกว่าครับ
– TikTok มียอดผู้ใช้งานล่าสุดทั่วโลกอยู่ที่ 800 ล้านคน
– TikTok มียอดดาวน์โหลดจากผู้คนทั่วโลกมากกว่า 1,500 ล้านครั้ง
– ผู้ใช้งาน Gen-Z (ช่วงอายุ 16-24) มีจำนวนมากถึง 41% ที่เหลือเป็นผู้ใช้งานกลุ่ม Gen-Y และ Gen-X
– มีผู้ใช้งานมากถึง 90% ที่ระบุว่าเล่น TikTok เป็นชีวิตประจำวัน
– มีผู้ใช้เวลาเฉลี่ยมากถึง 52 นาที ต่อวัน
– เป็นแอพพลิเคชั่นที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดในประเทศไทยชั่วโมงนี้
– มีผู้ใช้งานชาวไทยมากกว่า 10 ล้านคน
วัตถุประสงค์ของผู้ใช้ TikTok ส่วนใหญ่ และนี่คือข้อมูลสำคัญถ้าในฐานะที่คุณคือแบรนด์สินค้า จงลองเชื่อมโยงวัตถุประสงค์ผู้ใช้แอปฯ กับแบรนด์สินค้าคุณให้ดี ดังนี้ครับ
– ใช้เพื่อทำเรื่องตลก
เหมาะกับแบรนด์สินค้าที่สามารถใช้มุกตลกร่วมกับการโฆษณาสินค้าผ่านผู้ใช้งานโดยที่ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์มากเกินไป เช่น สินค้าของกินของใช้ ราคาไม่แพง
– ใช้เพื่อทำอาหารหรือกินอาหาร
เหมาะสำหรับแบรนด์สินค้าที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของอาหารทั้งหมด เช่น การทำอาหาร เครื่องปรุงอาหาร เมนูอาหาร เป็นต้น
– ใช้เพื่อแสดงพรสวรรค์ของตัวเอง
ไม่ว่าจะเป็นการเต้น ร้องเพลง แต่งหน้า หรือทักษะพิเศษส่วนตัว แบรนด์สินค้าควรมีความเกี่ยวข้องกับกิจกรรมเหล่านั้น เช่น เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องสำอางค์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ
– ใช้เพื่องานด้านแฟชั่น
เป็นการแสดงออกที่เกี่ยวข้องกับเสื้อผ้า เครื่องนุ่มห่ม การแต่งหน้าโดยเฉพาะ เหมาะกับแบรนด์สินค้าด้านแฟชั่น
– ใช้เพื่อเต้นและร้องเพลงโคเวอร์
เป็นอะไรที่ฮิตมากและเป็นจุดแข็งของ TikTok แบรนด์ที่เข้าไปทำควรมีเพลงเป็นของตนเองที่ติดหู เรียกอีกอย่างนึงว่า Music Marketing เช่นเพลงแล็กตาซอย 5 บาท และให้ผู้ใช้งานเต้นประกอบเพลงพร้อมสินค้า
– ใช้เพื่อบันทึกชีวิตส่วนตัว
ผู้ใช้งานอยากแชร์สิ่งที่ตัวเองทำในชีวิตประจำวัน เช่น ช็อปปิ้ง กินข้าว นอนอยู่บ้าน เล่นกับน้องหมา ฯลฯ แบรนด์สินค้าควรเป็นเชิงไลฟ์สไตล์ที่เหมาะกับชีวิตประจำวัน
– ใช้เพื่อการกลั่นแกล้ง
เป็นการทำคลิปประกอบตลกๆ และได้รับเสียงฮา เช่น คลิปแกล้งเพื่อน แกล้งสัตว์เลี้ยง ทำอะไรตลกๆ เหมาะกับแบรนด์ที่สร้างเนื้อหาเข้าไปกับมุกตลกได้ เช่นโฆษณาประกันชีวิตเจ้าหนึ่งที่ให้คนแต่งตัวชุดนักประดาน้ำ
วิธีการลงโฆษณาบน TikTok
1. สร้าง Ad Account: ไปที่ https://ads.tiktok.com/ เพื่อสมัคร Ad Manager ของ TikTok ก่อน ซึ่งหน้าตาคล้ายกับ Facebook Ads Manager
2. ใส่ข้อมูลทุกอย่างให้เรียบร้อย
3. เติมเงินลงไปเพื่อใช้เป็นงบฯ สำหรับโฆษณา
4. เริ่มสร้างแคมเปญตามเมนูของ TikTok
โฆษณาใน TikTok ที่สามารถทำได้มีดังนี้
1. Brand Hashtag Campaign Challenge + Add-ons Brand Effect
ถือว่าเป็นแคมเปญทำโฆษณาที่แพงที่สุด สิ่งที่ได้รับคือการสร้างแคมเปญที่จะขึ้นหน้าแรกในช่วงระยะเวลาตลอดอายุการรันแคมเปญ (6 วัน) ซึ่งสิ่งนี้ใช้จุดแข็งของ TikTok ที่จะมีแคมเปญให้ชาว TikToker มาร่วมประชันไอเดียสร้างสรรค์อยู่บ่อยๆ เช่น ทำมาม่าชาเล้นจ์ แดนซ์ชาเล้นจ์ แต่งหน้า ร้องเพลง ฯลฯ และมักจะได้รับความนิยมจากชาว TikToker อยู่บ่อยๆ ทำให้มีโอกาสที่ผู้เล่นจะมีส่วนร่วมกับแคมเปญแฮชแท็กสูงมากกว่า 1,000,000 วิว หรือไลค์รวมกัน จึงทำให้แบรนด์สินค้าที่ใช้แคมเปญนี้มีโอกาสที่คนจะเห็นและถูกพูดถึงหลักล้าน ไปจนถึงสิบล้านวิวก็เป็นได้
ข้อดีที่ได้คือแบรนด์สินค้าสามารถสร้างแคมเปญที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์และผู้เล่นจะต้องอยู่ในกติกาของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สินค้า การใช้เพลงที่แบรนด์เป็นผู้กำหนด (ควรทำเพลงเป็นของตนเองและทำให้คนเล่นจดจำง่าย) สามารถปล่อยโฆษณาสินค้าและทำให้คนคลิกไปซื้อระหว่างที่ผู้ใช้งานเข้ามาดูแคมเปญได้ตลอดเวลา (Add-ons Brand Effect) ทำให้คนที่ดูแคมเปญนี้สามารถคลิกไปซื้อสินค้าต่อได้ง่ายที่สุด และแน่นอนว่าแคมเปญเจ๋งขนาดนี้ ราคาจึงสูงที่สุดเช่นกัน แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าถ้าคุณลงทุนหลักล้านแล้วทำให้คนเห็นได้เกิน 5 ล้านคน แถมยังมีโอกาสได้ยอดขายจากงานโฆษณา
2. TopView
เป็นการซื้อพื้นที่โฆษณาที่จะโผล่ขึ้นมาระหว่างคนกำลังเล่นแอปฯ แบบเต็มหน้าจอ เป็นภาพแห้งๆ ที่แบรนด์ต้องเขียนข้อความหรือมีรูปภาพที่ทำให้คนพร้อมตัดสินใจกดเพื่อลิงค์ไปสู่หน้า Landing Page และจะนับถอยหลังประมาณ 5 วินาทีถึงจะปิดโฆษณาได้ เป็นการซื้อโฆษณาแบบคลาสสิค อารมณ์ประมาณเล่นเกม Candy Crush แล้วมักมีโฆษณาโผล่มาเพื่อให้คุณซื้อเกมเต็มหรือเติมเงินนั่นแหละครับ ข้อดีคือถ้าสินค้าคุณเป็นที่รู้จักอยู่แล้ว ตรงกับกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ การซื้อโฆษณาแบบนี้และมีโปรโมชั่นเด็ดๆ จะช่วยดึงคนไปซื้อผ่านโฆษณานี้ได้ง่าย
3. In-Feed Ads
เป็นอีกวิธีการซื้อโฆษณาที่คุณมักคุ้นเคยเวลาดูยูทูปเวลาดูคลิปอยู่ดีๆ และมีโฆษณาคั่นประมาณ 5 วินาที ซึ่งคุณต้องดูให้จบถึงจะปิดโฆษณาได้ จุดเด่นก็คือสามารถใส่โฆษณาแบบวีดีโอที่บรรยายหรือให้อารมณ์ได้มากกว่าภาพแห้งๆ แบบ TopView และดึงดูดความสนใจของผู้ใช้ได้มากกว่า แน่นอนว่าราคาย่อมแพงกว่าแบบ TopView แน่นอน
และนี่คือวิธีการโฆษณาผ่านแพลทฟอร์ม TikTok ทั้งหมดที่แบรนด์สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมกับผู้ใช้งานในไทยมากกว่า 10 ล้านคนได้ในปัจจุบันครับ
Comments
0 comments