2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว… หนังที่นักขายทุกคนต้องดู!
เมื่อวันศุกร์ที่สุดแสนจะบันเทิงไปกับการจราจรที่ติดขัด และมีเม็ดฝนโปรยปราย ชุ่มฉ่ำกันไปตามๆ กัน (ตกมันทุกวันเลยนะคุณฝน) ผมจึงเลี้ยวรถเข้าไปที่ห้างเพื่อเข้าชมภาพยนตร์ ที่ผมกล้าบอกได้ว่าคนไทยทุกคน “ต้องดู!”
หนังเรื่องนี้แทบไม่มีสคริป ไม่มีความไม่สมจริง ทุกอย่างคือ “สารคดี” ที่เกิดขึ้นแล้วจากเหตุการณ์จริง ที่สำคัญคือนำแสดงโดย “พี่ตูน บอดี้สแลม” ผู้ซึ่งเป็นไอดอลของผมตั้งแต่เรียนมอปลาย และผมได้เจอพี่ตูนตัวจริงมาแล้วสมัยทำงานใหม่ๆ พี่ตูนเป็นคนที่เฟรนลี่มาก เป็นกันเองกับทุกๆ คน เป็นตัวอย่างที่ดีแก่เยาวชนและมอบความสุขให้กับคนไทยทุกคนเสมอมา
เมื่อผมได้ทราบข่าวว่าพี่ตูนต้องการจัดกิจกรรม “ก้าวคนละก้าว” เพื่อการกุศล สมทบทุนเงินบริจาคจากคนไทยทั้งประเทศให้กับโรงพยาบาลรัฐ ซึ่งสร้างความตื่นตัวในเรื่องความสำคัญของธุรกิจการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศไทย ผมจึงติดตามความเคลื่อนไหวและเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมนี้ด้วยการบริจาคเงินสมทบทุนโครงการฯ ร่วมกับคนไทยทั้งประเทศ
หลังจากกิจกรรมนี้จบลงไป ผมจึงได้ข่าวเพิ่มเติมว่ากิจกรรมของพี่ตูนในครั้งนั้น จะถูกสร้างเป็นภาพยนตร์กึ่งสารคดีที่เกี่ยวกับชีวิตของพี่ตูนและทีมงาน จนเกิดเป็นหนังเรื่อง “2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว”
ตลอด 55 วันของ “ก้าวคนละก้าว” ทุกเหตุการณ์ ทุกแง่มุม ทุกดราม่า
น่าจะถูกเล่าออกสื่อไปหมดแล้ว.. ยกเว้นเรื่องราวจากกล้องตัวนี้
นี่คือภาพยนตร์คลุกวงใน ที่จะพาคุณฝ่าฝูงชนไปค้นลึกถึงเบื้องหลัง
แรงขับของนักร้องน่องเหล็กพี่ตูน-บอดี้สแลม ผู้แบกฝัน ฝ่าแดด ลุยฝน
ไล่ตามความเชื่อไปจนถึงแสงสุดท้ายโดยทีมงานทีมเดียวที่ตามติดถ่ายทำ
เข้านอกออกในแบบไม่เคาะประตู (ยกเว้นตอนเข้าห้องน้ำ)
บนเส้นทางจากเบตงถึงแม่สาย
มาค้นพบแรงบันดาลใจไปพร้อมกัน ทีละก้าว
สิ่งที่หนังเรื่องนี้ทำใหผม “อิน” ได้ ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง นั่นคือวิถีแห่งความมุ่งมั่น ตั้งใจ ของพี่ตูนตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้าย ความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ ที่ต้องฟันฝ่าอุปสรรคไปให้ได้
อีกมุมหนึ่งก็คือ “ประชาชนชาวไทย” ที่เฝ้ารอคอยไอดอลของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นลูกเด็กเล็กแดง หนุ่มสาว คนเฒ่าคนแก่ ไม่ว่าพี่ตูนจะวิ่งไปพื้นที่ไหนของประเทศไทย ไม่มีใครที่จะพลาดการพบกับไอดอลของพวกเขา
มีฉากซึ้งๆ ที่ทำให้ผมถึงกับ “หลั่งน้ำตา” ไปกับสิ่งที่พี่ตูนทำ การวิ่งในครั้งนี้นอกจากจะช่วยเหลือโรงพยาบาลทั่วประเทศแล้ว เหตุการณ์ในครั้งนี้ยังสามารถช่วย “ชีวิต” ของผู้ประสบอุบัติเหตุที่ทางโรงพยาบาลขาดเครื่องมือแพทย์ขั้นสูงสำหรับการผ่าตัดเพื่อรักษาชีวิตและขาของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งได้ทันเวลา นับว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญที่เป็นหัวใจของหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้
สิ่งที่ผมนำมาประยุกต์ใช้กับการขายและการทำธุรกิจหลังจากดูหนังของพี่ตูน นั่นก็คือ “ความพยายามและความวิริยะอุตสาหะ” ซึ่งผมคิดว่านี่คือสิ่งที่สำคัญสำหรับการเป็นนักขายและนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ สิ่งที่พี่ตูนทำเมื่อเทียบกับผมนั้น มันช่างเป็นอะไรที่แตกต่างเหลือเกิน พี่ตูนผ่านอะไรที่หนักหนามาตลอดทั้งร่างกายและจิตใจ จนผมเกิดคำถามขึ้นมาว่า “ทำไมคนที่อยู่บนจุดสูงสุดของวงการเพลงแล้ว ยังต้องลงมาทำอะไรที่มันทั้งเหนื่อยและไม่ได้อะไรในตอนแรกเลย” จากที่ผมไม่เข้าใจ ตอนนี้ผมเข้าใจทุกอย่างแล้วในสิ่งที่พี่ตูนทำ
นั่นคือคำว่า “ความหมายของชีวิต” ซึ่งเมื่อคุณทุกคนได้บรรลุความสำเร็จตามที่ตั้งเป้าไว้เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่คุณควรทำและไม่จำเป็นต้องให้ใครมาชื่นชมหรือตัดสินคุณ นั่นก็คือการออกไปทำอะไรเพื่อสังคมนั่นเองครับ
ผมจึงได้แกะแนวคิดที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จในอาชีพการขาย ตามสิ่งที่ได้เรียนรู้จากหนังเรื่องนี้ นั่นก็คือ
1. “เชื่อ”
คุณจะต้องมี “ความเชื่อ” ก่อนเสมอ ว่าคุณจะต้องเป็นนักขายที่ประสบความสำเร็จแบบขาวสะอาด คุณจะต้องเชื่อว่าคุณทำได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นคนกากและไม่มีต้นทุนที่ดีแค่ไหน คุณก็จะพัฒนาตัวเองจนกลายเป็นคนที่มีความสามารถและปิดการขายกับลูกค้าได้อย่างถล่มทลาย ในเมื่อใครๆ ก็เป็นฮีโร่และประสบความสำเร็จได้ คุณเองก็ต้องทำได้เช่นกัน ถ้าพี่ตูนทำได้ แล้วทำไมคุณจะทำไม่ได้ล่ะครับ
2. “บ้า”
คุณจะต้อง “บ้า” ที่จะฝันถึงความสำเร็จ ต่อให้วันนี้คุณไม่มีอะไรเลยก็ตาม ถ้าคุณมีแต่ข้อด้อยทั้งหน้าตา รูปลักษณ์ การศึกษา คอนเน็กชั่น ฯลฯ สิ่งที่ผมอยากจะให้คุณทำเลยก็คือคุณต้องกล้าที่จะ “บ้า” ในการไขว่คว้าถึงความสำเร็จ ทั้งๆ ที่คนภายนอกพูดถึงคุณว่า “ทำไม่ได้หรอก” สิ่งที่คุณต้องทำคือการใช้ลูกบ้าในการลงมือทำ และ “ตอกหน้า” คนที่เคยดูถูกคุณเหล่านั้นให้หุบปากซะ ลูกบ้าของคุณนี่แหละที่จะทำให้คนพวกนั้นหัวเราะเยาะคุณเฉพาะช่วงแรกเท่านั้น เมื่อคุณประสบความสำเร็จแล้ว พวกเขาเหล่านี้แหละที่จะกลับมานับถือความบ้าของคุณเอง
ลองคิดดูง่ายๆ ว่าคุณเป็นแค่เซลล์กระจอกมาก่อน การเข้าไปขายกับลูกค้าระดับ CEO นั้น ถ้าเป็นครั้งแรกของคุณ มันคงจะบ้ามากแน่ๆ ที่คุณจะเข้าไปขายทั้งๆ ที่คุณไม่มีประสบการณ์มาก่อน ผมจึงขอให้คุณบ้า คิดไปเลยว่าคุณนี่แหละจะเป็น CEO พันล้าน ที่ต้องการเข้าไปขายและทำธุรกิจกับลูกค้าผู้มากไปด้วยความใหญ่โต คุณจึงกล้ายกหูโทรหาพวกเขาอย่างไม่ลังเล โดยมีเจตนามุ่งเน้นไปสู่ความช่วยเหลือและการขายโดยที่ไม่กลัวว่าลูกค้าจะมองว่าคุณกระจอกแค่ไหน เพราะคุณพร้อมแล้วที่จะเข้าไปหาพวกเขาแบบมืออาชีพและพกพาความบ้าเข้าไปด้วยนั่นเอง
3. “กล้าก้าว”
เมื่อคุณมีทั้งความเชื่อและความบ้าอยู่ในตัวเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่คุณต้องทำคือการกล้าก้าวออกจากจุดสบาย (Comfort Zone) ด้วยการโทรนัดและเข้าพบลูกค้า เข้าไปตามงานลูกค้าที่ยังปิดไม่ได้ สิ่งที่คุณลงมือทำทั้งหมดเป็นสิ่งที่สืบเนื่องมาจากความเชื่อและความบ้าของคุณนั่นเอง คุณไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค คุณจึงลงมือทำโดยไม่มีเหนื่อย ถึงเหนื่อยกายก็แค่พักจนมีแรง แล้วออกไปขายใม่ ถึงเหนื่อยใจก็ไม่หวั่น เพราะความบ้าของคุณมีเหนือกว่าความกลัวและความท้อแท้ สิ่งเหล่านี้แหละที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จ
ผมจึงขอเชิญชวนทุกคนไปดูหนังเรื่องนี้ แล้วช่วยมาบอกกับผมทีว่าสิ่งที่ผมพูดไปนั้นเป็นสิ่งที่คุณเห็นด้วยหรือไม่ ผมเชื่อว่าชีวิตการขายของคุณจะเปลี่ยนไปทันทีหลังจากที่ได้ดูหนังเรื่องนี้แน่นอนครับ
Comments
0 comments