7 วิธีการเอ็นเตอร์เทนลูกค้าแบบมืออาชีพ
วัฒนธรรมการเอ็นเตอร์เทน (Entertain) ลูกค้าในสังคมไทย ส่วนใหญ่จะอยู่ในการขายแบบ B2B (Business-to-Business) และการขายผ่านระบบตัวแทน (Dealer) อยู่เป็นประจำ
เรียกคำนี้ให้เข้าใจง่ายกว่านั้นก็คือการพาลูกค้าไปดินเนอร์ กินเหล้า เที่ยวกลางคืนนั่นเองครับ (ฮา..)
ส่วนตัวแล้วผมมองว่าวัฒนธรรมนี้ยังมีความสำคัญอยู่พอสมควร ถือว่าเป็นหนึ่งในกิจกรรมทางการขายชนิดหนึ่งที่ช่วยในการสร้างความสัมพันธ์อันดีได้ในระยะเวลาอันสั้น เพิ่มความไว้วางใจ เปิดใจ หรือแม้แต่การคายความลับที่มีผลแพ้ชนะกับการซื้อขายค่อนข้างมากครับ
ผมเองอาจจะโชคดีที่การขายสินค้าของผมสามารถหลีกเลี่ยงกิจกรรมการเอ็นเตอร์เทนลูกค้าไปได้พอสมควร จึงไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ซักเท่าไหร่ แต่เมื่อก่อนสมัยเป็นลูกจ้างนักขาย ผมใช้เทคนิคเหล่านี้ในการสร้างโอกาสทางการขายเพิ่มขึ้น ลองมาอ่านกันเลยครับ
1) ถ้าต้องดื่มหนักจงอย่าเมา “เหมือนหมา” หัวราน้ำ
ตรงๆ นะครับ คุณมาเอ็นเตอร์เทนลูกค้า ดูแลเค้า ไม่ใช่ให้เค้ามาดูแลคุณ ฤทธิ์ของน้ำเมาที่คุณดื่มเกินพอดี มักจะทำให้คุณแสดงบุคลิกและกิริยาแย่ๆ ออกมาโดยไม่รู้ตัว เช่นพูดมาก คุยโม้เกินเหตุ เสียงดังโวยวาย เต้นแร้งเต้นกาด้วยท่าประหลาดๆ ถ้าคุณเจอลูกค้าที่ไม่คิดมากก็โชคดีไป
แต่ถ้าคุณเจอลูกค้าที่คิดเรื่องนี้ คุณจะถูกโยนไปอยู่ในประเภทเซลล์ขี้เมา แทนที่จะเป็นเซลล์มือโปร กู้ภาพลักษณ์ในเรื่องนี้ยากมาก ถ้าเพื่อนร่วมงานจำคุณในภาพนั้นได้ คุณจะไม่มีวันลบภาพเหล่านั้นในสายตาเพื่อนหรือเจ้านายได้เลย คะแนนจะติดลบทันที
จงระวังเรื่องนี้ให้มาก ท่องคาถาเอาไว้ว่าอย่าเมาๆๆเด็ดขาด ถ้ารู้ตัวว่าไม่ไหวแล้ว มีเทคนิคคือให้เอาโค้กผสมโสดาแล้วกินแทนเหล้า สีแก้วจะเหมือนเหล้า เนียนๆ เอาตัวรอดไปได้ อย่าให้ท้องว่าง กินอาหารเสริมแก้เมาล่วงหน้าก็จะช่วยได้อีกทางนึงครับ
2) เทคนิคการชงเหล้าให้ลูกค้า
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนมาก ในสังคมไทยถ้าคุณเป็นเซลล์รุ่นเด็ก อายุห่างกับเจ้านายและลูกค้ามาก การเสนอตัวเป็นผู้ชงเหล้าให้ทั้งหัวหน้าและเจ้านายเป็นสิ่งที่ดีมากกว่าเสีย คุณมักจะได้รับความเอ็นดูเป็นพิเศษ ถ้ามีโอกาสจงเป็นผู้ทำนะครับ
แต่ถ้าคุณเป็นเซลล์มืออาชีพ เริ่มมีตำแหน่ง วัยวุฒิ เป็น CEO คุณเพียงยื่นแค่เหล้า โซดา น้ำแข็ง ให้ลูกค้าเป็นผู้ชงเองก็พอครับ ไม่ต้องคิดมาก คุณไม่ได้มาเป็นลูกน้องเค้า แต่คุณมากินเหล้าเพื่อผลประโยชน์บางอย่างทางธุรกิจ ลูกค้าได้จากคุณไปแล้ว อย่าปล่อยให้เค้าได้ใจใช้คุณให้ชงเหล้าเยี่ยงทาส ผลร้ายที่ตามมาก็คือลูกค้าจะไม่ให้เกียรติคุณเท่าไหร่ ดูนู้บทันที
เมื่อต้องทำหน้าที่ แนะนำให้คุณนั่งติดซุ้มน้ำแข็งจะได้เป็นผู้ชงเหล้าโดยถามลูกค้าและเจ้านายก่อนว่าชอบกินเหล้าแบบไหน โซดาน้ำหรือโซดาอย่างเดียว เป็นต้น คอยดูว่าแก้วไหนเริ่มหมดก็ทักว่าจะชงเหล้าให้เลยครับ ไม่ต้องรอให้คนอื่นถาม
3) คุณไม่ใช่เด็กเสริฟ ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ตักกับข้าวให้ทุกจาน
ไม่จำเป็นต้องตักกับข้าวให้ลูกค้าทุกจาน คุณไม่ใช่บริกรฯ ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้น ถ้าลูกค้านั่งใกล้ๆ คุณให้ตักเฉพาะกับข้าวที่ราคาแพงๆ ให้ครั้งเดียวก็พอแล้ว ดูระยะการนั่งของลูกค้าและตัวคุณให้ดีๆ ถ้าไกลเกินไป ใช้วิธีส่งจานกับข้าวต่อๆ กันไปถึงมือลูกค้าก็พอ จำไว้ว่าทำครั้งเดียวก็พอแล้ว คุณมาทำธุรกิจกับเค้า ไม่ได้มาเป็นคนรับใช้ลูกค้า บางทีคุณเป็นคนเลี้ยงข้าวลูกค้าแท้ๆ แต่ทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยครับ ลองคิดดูดีๆ นะ
ให้ลูกค้าเป็นผู้สั่งกับข้าวก่อนเสมอ พยายามอย่าสั่งแพงกว่าเมนูของลูกค้า ดูภาพรวมว่ากับข้าวขาดอะไรบ้าง กับข้าวที่ดีควรมีเมนู ทอด ผัก เนื้อ แกง ต้ม ยำ ฯลฯ อย่างละเท่าๆ กัน ถ้าขาดอะไรไปก็สั่งเมนูที่อยู่ในประเภทนั้นมาเติม จะทำให้อาหารดูน่ากินมากขึ้น
4) จงเป็นผู้ถามลูกค้าอย่างเดียวเท่านั้น (โคตรสำคัญ)
เมื่อเหล้าเข้าปากกันทั้งคู่แล้ว สิ่งที่คุณจงทำคือการถามคำถามที่ดี เรื่องงาน เรื่องฮาๆ เรื่องชีวิต เรื่องอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับลูกค้า คุณเชื่อผมเถอะครับ หลักการนี้ใช้ได้ทั่วโลก
ในขณะที่ลูกค้าเริ่มเมา ลูกค้าจะไม่รู้ตัวเลยว่าพูดอะไรไปบ้าง บางทีติดลมบน เหล้าหวาน เค้าจะเริ่มเล่าเรื่องส่วนตัวของตัวเองออกมา จงปล่อยให้เค้าเล่าแล้วจดจำข้อมูลให้ได้มากที่สุด สาเหตุเป็นเพราะลูกค้าเริ่มเปิดใจ ไว้ใจกับคุณ (เฉพาะตอนนี้นะ)
จากนั้นให้คุณเริ่มเนียนๆ ถามคำถามที่เกี่ยวกับดีลธุรกิจระหว่างคุณกับลูกค้าทีละนิดๆ เช่นระยะเวลา งบประมาณ ขั้นตอนการตัดสินใจหรือแม้แต่รายละเอียดของคู่แข่ง คุณจะได้ข้อมูลที่ขยับเข้าสู่การเป็นผู้ชนะมากขึ้นเรื่องๆ
ระวังอย่าเป็นฝ่ายถูกถาม เพราะคุณจะเมาและเริ่มโม้เกี่ยวกับตัวเองมากเกินไป กลายเป็นคนพูดมาก ขี้โม้ แล้วก็อีหรอบเดิม ไม่รู้เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับลูกค้าเลย การเอ็นเตอร์เทนก็ไร้ประโยชน์
5) อย่ากินเหล้าหรือกินข้าวแบบตายอดตายอยาก
ชัดเจนครับข้อนี้ นอกจากทำให้เสียบุคลิกและยังถูกมองว่าเป็นคนตะกละ บ้านคงอดอยากถึงกินมูมมาม กินเยอะ กินแพง กินแบบเอาเป็นเอาตาย กลัวว่าคนอื่นจะไม่ได้กิน บุคลิกคุณจะกลายเป็นกากทันที ไม่มีความน่าเชื่อถือเอาะเลย
6) ถ้าเริ่มดึกเกินไปหรือถูกชวนไปต่อและไม่อยากไป จงปฎิเสธซะ
ข้อนี้อย่าไปกลัวลูกค้าไม่รักหรือเจ้านายด่านะครับ ใช้วิธีบอกตรงๆ กับลูกค้าและเจ้านายไปเลย เช่น เมามาก มึนหัว จะอ้วก ต้องรีบไปนอน เมียโทรตาม ลูกโทรหา อะไรก็ได้ที่เป็นข้ออ้างดีๆ นี่เป็นสิ่งที่ควรทำครับเพราะว่าการไปต่อกับลูกค้าเป็นการเอ็นเตอร์เทนที่มากเกินพอดี ซึ่งสถานที่คงหนีไม่พ้นผับโคโยตี้ที่มีแต่ผู้หญิงเต้นแร้งเต้นกา ผับปิดคุณจะพบแต่ความว่างเปล่าครับ งานก็ไม่เดินเท่าไหร่ เอามันส์อย่างเดียว
7) ถ้าเมาทั้งคู่ให้เรียกแท็กซี่ไปส่งลูกค้า
ง่ายๆ ครับ ถ้าคุณมีรถแล้วอาสาไปส่งให้เอง ผมกลัวคุณจะโดนจับเมาแล้วขับแล้วติดคุก 555 เอาตัวคุณให้รอดก่อนครับ ลูกค้ากลับแท็กซี่ก็ดีแล้ว ไม่ต้องเสี่ยงคุก เสี่ยงตาย อย่างน้อยก็ได้แสดงการดูแลตั้งแต่ต้นจนจบกิจกรรม หรือจะใช้ Application You Drink I Drive ที่จะส่งคนขับรถมาขับรถให้คุณและลูกค้า ทำให้ปลอดภัยและรอดคุกได้ตั้งแต่ต้นจนจบเลยล่ะครับ
ผมขอออกตัวนะครับว่าในความคิดเห็นส่วนตัว กิจกรรมเรื่องการเอ็นเตอร์เทนโดยเฉพาะการไปกินเหล้าจะช่วยคุณได้มากที่สุดเรื่องการถามคำถามเพื่อให้ลูกค้าคายความลับตอนเมาเกี่ยวกับธุรกิจของคุณให้มากที่สุด เร็วที่สุดในเวลาอันสั้น ซึ่งถ้าใครไม่ชอบเรื่องนี้เลย คุณสามารถทำได้ด้วยการทำนัดเจอหน้าลูกค้าตามปกติและถามคำถามเอาครับ
Comments
0 comments