10 พฤติกรรมบางอย่างที่ทำร้ายยอดขายและทำให้งานของคุณไม่ก้าวหน้า โดยไม่รู้ตัว
บทความนี้ขอรวบรวมพฤติกรรมที่ทำให้คุณล้มเหลวเรื่องการหายอดขายและการงานไม่ก้าวหน้าเมื่อเทียบกับคนที่ประสบความสำเร็จ โดยจะเน้นไปที่โลกแห่งการทำงานและไลฟ์สไตล์หนุ่มสาวออฟฟิศเป็นหลัก เชื่อผมเถอะว่าถ้าลดหรือเลิกพฤติกรรมเหล่านี้ได้ การขายและการสร้างผลงานของคุณจะดีขึ้นราวกับเป็นคนละคนเลยครับ
1. การไถ Social Media ในเวลางานจนเป็นนิสัย
จากพฤติกรรมส่วนตัวของเพื่อนร่วมงาน ไปจนถึงบทความวิจัยระดับโลกบ่งชี้ให้เห็นแล้วว่าเมื่อใดที่คุณจับมือถือคุณมาปัดโซเชี่ยล เมื่อนั้น “ความหายนะ” ก็มาเยือนคุณแล้วครับ นอกจากไม่ได้อะไรไปกว่าการ “เสือกเรื่องชาวบ้าน (ฮา)” คุณเคยลองคำนวณดูไหมครับว่าหยิบมือถือขึ้นมาดูแป๊ปเดียว รวมๆ กันทั้งวันคุณไม่ได้ทำงานเป็น 20 นาทีแล้วครับ บางคนรวมกันเป็นชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ ที่สำคัญคือมันทำให้สมาธิเราไขว้เขว บ่อนทำลายสมอง ทำให้เราเป็นโรคสมาธิสั้น โฟกัสงานไม่ได้นานๆ อีก สู้เอาเวลาไปนั่งโทรหาลูกค้ายังมีประโยชน์กว่าครับ
2. การดูคลิป Reel, Short, TikTok เพื่อความบันเทิงสั้นๆ ที่บ่อนทำลายสมองแบบไม่รู้จบ
อัลกอริทึ่มของ Facebook, IG, TikTok, ฯลฯ วันนี้เขาอยากให้เราเสพติดคลิปสั้นๆ โดยเฉพาะคลิปบันเทิงเพื่อให้สมองหลั่งโดปามีนมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเป็นผู้ชายก็จะได้รับคลิปตลก สาวเซ็กซี่ ไม่ก็เรื่องเซ็กส์ ไปจนถึงเว็ปพนัน ฟุตบอล บันเทิง ส่วนผู้หญิงก็คงไม่ต่างกัน บอกตรงๆ เลยครับว่าโคตรขยะ แถมยังมีไวรัลที่เป็นเรื่องชาวบ้าน เรื่องบนเตียง เข้ามาอัดหน้าคุณทั้งๆ ที่คุณไม่อยากรู้ คลิปพวกนี้ทำคนทำงานพังมาเยอะแล้ว จากนั่งขี้แล้วดูสั้นๆ ก็กลายเป็นดูรวมๆ กันทั้งวันเป็นชั่วโมง เสียการเสียงานโคตรๆ ครับ
3. การดูซีรีย์หรือเล่นเกมตอนกลางคืนแบบมาราธอน
“งานก็หนัก เงินก็น้อย เครียดจะตายห่า ขอมีความสุขหลังเวลาเลิกงานไม่ได้หรือไง?” หลายๆ คนเลยผ่อนคลายด้วยการเล่นเกมหรือไม่ก็ดูซีรีย์ NetFlix แบบ Non-Stop คนสร้างเขารู้ครับว่าโลกนี้มันเครียดเลยต้องผลิตสื่อคลายเครียดเป็นพันเป็นหมื่น Content ผลก็คือคุณเสพมันแบบยาวๆ แล้วทราบไหมครับว่าทำไมเดี๋ยวนี้ต้องเป็นตอนๆ ไม่เหมือนหนังที่จบในเรื่อง เพราะคุณจะได้เสพและโหยหายตอนจบไปเรื่อยๆ บางคนติดหนักถึงขั้นหลับดึกๆ ดื่นๆ ไม่ก็โต้รุ่งดูจนจบ ไปจนถึงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ก็เก็บตัวเพื่อเล่นเกมหรือดูให้มันจบๆ ไม่ได้อะไรซักอย่างครับเรื่องนี้ ได้แต่ความสุขอย่างเดียวในเรื่องที่มันมากเกินไป
4. รีบตอบแชทส่วนตัวแบบทันที
แชทในเรื่องงานที่ควรตอบให้ไวที่สุดคือ “ลูกค้า หัวหน้า และเพื่อนร่วมงานในเรื่องงาน” ส่วนเรื่องอื่นไม่ต้องไวก็ได้ครับ เพราะเรื่องข้อความไลน์เด้งเนี่ยแหละที่โคตรบั่นทอนสมาธิด้านการทำงานของคุณแบบสุดๆ เรื่องสำคัญนอกจากเรื่องงาน ถ้าด่วนจริงให้เขาโทรมาครับ นอกนั้นเอาไว้ตอบตอนโดนไปเยี่ยวหรือพักนอกเวลางานก็พอ
5. งานมันเครียดก็ต้องกินเหล้าสังสรรค์แบบ Work Hard, Play Hard
ทำงานหนักก็ต้องกินดื่มให้เต็มที่ เรื่องนี้ใช้ได้เฉพาะตอนวัยรุ่นก็พอแล้ว สังคมคนทำงานมักรีแลกซ์ช่วงสุดสัปดาห์กันเป็นประจำ แต่หลายคนเข้าขั้นติดเรียบร้อยแล้ว ต้องจัดแบบเต็มระบบ ดูบอลพรีเมียร์หรือไม่ก็ดูซีรีย์แล้วกินเหล้าที่บ้านโคตรฟิน ไม่ก็ออกไปปาร์ตี้ตามผับตามร้านอาหารในวันเสาร์ ตื่นมาวันอาทิตย์ก็แฮงค์ๆ ไม่ได้ทำอะไร บางคนดื่มมันวันอาทิตย์หรือกลางสัปดาห์เลย ยิ่งแก่ก็ยิ่งฟื้นตัวช้า เสียการเสียงาน เมียก็ด่า ลูกก็เกลียด ไปทำงานแบบคนแฮงค์ๆ สมองเลยไม่ค่อยแล่น คิดอะไรไม่ค่อยออก เคยคิดไหมว่าการไปสังสรรค์ทำให้คุณไม่มีเงินเก็บ เรื่องกินเหล้าไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่ต้องแบ่งเวลาและปริมาณการกินให้เหมาะสม
6. พักสูบบุหรี่บ่อยเพื่อหาเรื่องอู้งาน
ผมเองก็เคยติดบุหรี่ครับ ยอมรับเถอะว่าการชวนกันไปดูดหรี่ข้างล่างตึกหรือลานจอดรถ ดูด 1 ตัวก็ราวๆ 5 นาที ซึ่งส่วนใหญ่มักเบิ้ลและคุยกันไปเรื่อย ผลก็คือพักดูดหรี่ 1 ครั้งก็เสียเวลาเป็นสิบนาที บางคนติดบุหรี่หนัก ลงไปดูครึ่งเช้า 2-3 ครั้ง ครึ่งบ่ายอีก 3-4 ครั้ง ตอนพักเที่ยงก็ดูดอีก เข้างานก็ช้า สรุปคือเสียเวลางานรวมๆ กันเป็นชั่วโมงแล้วครับ นอกจากบุคลิกภาพที่ดูไม่ดี ตัวเหม็น ปากเหม็น คนที่เขาไม่ดูดเขาจะหมั่นใส้คุณพอสมควรเพราะคุณเอาเวลางานไปอู้ด้วยการอ้างเรื่องสูบบุหรี่นี่แหละครับ เลิกได้ก็เลิกเถอะ ทั้งบุหรี่จริงและบุหรี่ไฟฟ้า โคตรเปลืองเงินและเสียบุคลิกภาพมากๆ
7. โพสต์เรื่องไม่สร้างสรรค์ลงโซเชี่ยลเป็นประจำ
บางทีงานการของคุณไม่ก้าวหน้าเพราะเจ้านายและเพื่อนร่วมงานเห็นอะไรที่ไม่เหมาะสมเรื่องโซเชี่ยลของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์อะไรแบบโง่ๆ ไร้ความคิด ด่าชาวบ้าน นินทาเจ้านาย ด่าประเด็นการเมืองอย่างรุนแรง แชร์แต่เรื่องลามกจกเปรต ซึ่งเพื่อนกับหัวหน้าคุณเห็นเขาก็ตีความได้แล้วครับว่าคุณเป็นคนแบบไหน แทนที่จะเอามาใช้สร้างภาพเรื่องการทำงานให้เป็นมืออาชีพ หรือเขียนและแชร์อะไรเกี่ยวกับการพัฒนาตัวเอง (ทั้งในและนอกโซเชี่ยล) เชื่อมั้ยครับว่าการเขียนสิ่งดีๆ หรือสร้างเรื่องดีๆ ในโซเชี่ยลจะทำให้ภาพลักษณ์ของคุณดูมืออาชีพแบบง่ายๆ เลย
8. การคอมเมนต์ในประเด็นดราม่าอย่างรุ่นแรง
ประเด็นดราม่าคือสิ่งที่อัลกอริทึ่มยิงขึ้นโซเชี่ยลเราเพราะคนส่วนใหญ่สนใจ ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็คือชาวบ้านทั่วๆ ไป เรื่องราวก็ลูปเดิมๆ การเมืองน้ำเน่า ข่าวใต้เตียงดารา ดราม่าสังคม ถามจริงเถอะครับว่าการที่คุณอินเรื่องพวกนี้มันทำให้คุณสำเร็จความไคร่ทางความคิดก็จริง บางทีไปเมนต์ด่าอย่างกับเขาไปฆ่าใครตาย ยิ่งเรื่องดารานี่แทบจะตีตราคนว่าเลว ชั่ว เลยทีเดียว แล้วมันทำให้คุณสูงขึ้นเหรอครับ เดี๋ยวเรื่องพวกนี้ก็เกิดขึ้นมาอีก ผลก็คือจิตใจของคุณมีแต่เรื่องโสมม เหม็นเน่า แถมเพื่อนร่วมงาน หัวหน้างานของคุณมาเห็นก็ไม่ต้องบอกนะครับว่าพวกเขาจะรู้สึกกับคุณอย่างไร
9. การเปรียบเทียบตัวเองกับเพื่อนๆ ที่ดีกว่าตนเองในโซเชี่ยลเป็นประจำ
มีเยอะเลยครับในโลกแห่งการทำงานที่คนส่วนใหญ่ไม่อยากให้คนอื่นได้ดีกว่าตน โดยเฉพาะคนรู้จักหรือเพื่อนบางคนที่ได้ดิบได้ดี มีการงานมั่นคง รวยกว่าตัวเอง ผลก็คือขี้อิจฉาและขี้เสือกไปซะทุกเรื่อง ดูไปก็หมั่นใส้ไป บางคนเหี้ยกว่านั้นคือไปกดไลค์ คอมเมนต์เขา แต่จริงๆ ก็ด่า หาเรื่องจับผิดไปทั่ว หัดยินดีกับคนทำงานเหมือนๆ เราที่สุจริตแต่เก่งกว่า รวยกว่า ซะบ้าง เพื่อความจริงใจในการได้เป็นเพื่อนและเผื่อได้มีโอกาสขอความรู้หรือดูโซเชี่ยลพวกเขาว่าคนกลุ่มนี้เขามักจะสนใจเรื่องอะไร โพสต์หรือแชร์อะไร บอกเลยครับว่าคนที่ควรติดตามคือคนที่แชร์เรื่องงานในมุมที่สร้างสรรค์กับโพสต์ที่มีสาระอยู่เป็นประจำ
10. กินแต่อาหารขยะ ขาดการออกกำลังกาย ไม่ดูแลตัวเอง
สุดท้ายนี้คือ “You are what you eat” ครับ บุคลิกที่ดูย่ำแย่จากการบริโภคตามหนุ่มสาวออฟฟิศส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นอาหารที่เป็นพวกจั้งฟู๊ด ชานมไข่มุกหวานเจียบ บวกกับการสังสรรค์หลังเลิกงาน กินเหล้ากินเบียร์ ขาดการออกกำลังกาย ผลก็คืออ้วนครับ ยิ่งอายุเกิน 30 ก็ยิ่งเห็นผลเร็ว ถ้าคุณอยากได้รับการนับถือจากคนทำงานเหมือนๆ กันด้วยหุ่นที่ดีกว่า ฟิตกว่า ดูแลตัวเองก็มีคนชมหรือลูกค้าให้ความสนใจได้มากกว่า ก็ควรเอาเวลาเล่นโซเชี่ยล ดูซีรีย์ กินเหล้าหลังเลิกงานไปเข้ายิมเถอะครับ บอกเลยว่าคนที่มายิมเป็นประจำส่วนใหญ่ “ไม่ใช่คนธรรมดา” เป็นระดับผู้บริหาร เจ้าของกิจการ อินฟลูเอนเซอร์ดัง กันทั้งนั้นครับ
ทั้ง 10 พฤติกรรมนี้เป็นสิ่งที่ผม “เคยผ่านมาแล้วทั้งสิ้น” เลยบอกตรงๆ ว่ามันบ่อนทำลายสมองและเวลาทำงานของผมมากๆ ครับ เพื่อไม่ให้ทุกคนเป็นแบบผม จงอ่านและเลิกทำตามนี้นะครับ ชีวิตการทำงานของคุณจะรุ่งโรจน์แน่นอน
Comments
0 comments